'เหลียน ชาน' เปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่สัมพันธ์ไต้หวัน-จีน(บุคคลโลก / นฤมล คนึงสุขเกษม)

'เหลียน ชาน' เปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่สัมพันธ์ไต้หวัน-จีน(บุคคลโลก / นฤมล คนึงสุขเกษม)

เหลียน ชาน ประธานพรรคก๊กหมินตั๋ง (เคเอ็มที) พรรคฝ่ายค้านของไต้หวัน ตกเป็นเป้าความสนใจของสื่อมวลชนอีกครั้ง หลังรับคำเชิญจากนายหู จิน เทา ประธานาธิบดี เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ และประธานคณะกรรมาธิการกลางของจีน นำคณะผู้แทนพรรคจำนวน 70 คน เดินทางเยือนจีนแผ่นดินใหญ่อย่างเป็นทางการนาน 8 วัน โดยใช้ชื่อการเยือนครั้งนี้ว่าเป็น 'การเดินทางเพื่อสันติภาพ'

การเดินทางครั้งประวัติศาสตร์ข้างต้น ซึ่งมีเป้าหมายหลักอยู่ที่การผ่อนคลายความตึงเครียดข้ามช่องแคบไต้หวัน ดูจะเปิดฉากได้ไม่สวยหรูนัก เพราะวันที่เหลียน ขึ้นเครื่องออกจากสนามบินเจียงไคเช็คนั้น ต้องอยู่ท่ามกลางการอารักขาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่เพียบพร้อมไปด้วยโล่และกระบอง เพราะก่อนหน้านั้นได้เกิดเหตุชุมนุมประท้วงที่บานปลายจนถึงขั้นปะทะกันระหว่างกลุ่มที่สนับสนุนการแยกตัวเป็นเอกราช และต่อต้านการเดินทางไปเยือนจีนของผู้นำเคเอ็มที กับกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคฝ่ายค้าน

นอกจากนี้ เมื่อเดินทางถึงจีน เหลียนยังกลายเป็นเครื่องมือของฝ่ายต่อต้านพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่ถือโอกาสนำการเยือนของเขา แสดงพลังประท้วงต่อต้านการปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์ ด้วยการแฝงตัวเข้ามากับผู้ที่มารอต้อนรับเหลียน ก่อนจะคลี่ผ้าที่มีข้อความว่า 'พรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นพวกไม่มีกฎหมาย' ระหว่างที่ผู้นำเคเอ็มทีเดินทางไปสักการะสุสาน ดร.ซุน ยัต เซน ผู้ก่อตั้งจีนใหม่ ที่ทั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน และพรรคก๊กมินตั๋ง ให้ความเคารพและยอมรับ

เหลียนถือเป็นผู้นำพรรคชาตินิยมรายแรก ที่เดินทางไปเยือนจีน หลังเจียง ไค เช็ค ผู้ก่อตั้งพรรค ได้หนีออกจากแผ่นดินใหญ่ ไปปักหลักที่เกาะไต้หวัน หลังพ่ายแพ้สงครามกลางเมืองให้แก่พรรคคอมมิวนิสต์เมื่อ 56 ปีที่แล้ว ซึ่งผู้เชี่ยวชาญทางการเมืองบางราย ชี้ว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เพราะเหลียนต้องการฝากชื่อไว้ในประวัติศาสตร์ก่อนลงจากตำแหน่งผู้นำพรรคในปีหน้า

ผู้นำเคเอ็มทีรายนี้ ได้แสดงจุดยืนมานานแล้วว่า คัดค้านการแยกตัวเป็นเอกราชของไต้หวัน โดยเขาได้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำพรรค หลังจากที่ หลี่ เติ้ง ฮุย อดีตประธานพรรคคนก่อนหน้านี้ ถูกบีบให้ลาออกจากตำแหน่ง เพราะการแสดงบทบาทเชิงลบระหว่างการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2543

เหลียนไม่ได้เป็นคนไต้หวันโดยกำเนิด บ้านเกิดดั้งเดิมของเขาอยู่ที่เมืองซีอาน มณฑลส่านซี ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ก่อนจะเดินทางมายังไต้หวันพร้อมกับมารดา โดยบิดาของเขาเคยดำรงตำแหน่งสำคัญๆ ในสมัยรัฐบาลก๊กหมินตั๋ง รวมถึง หัวหน้าฝ่ายก่อสร้างมณฑลไต้หวัน และรัฐมนตรีมหาดไทย แห่งทางการไต้หวัน

ก่อนที่จะเข้าสู่แวดวงการเมืองนั้น เหลียน ซึ่งได้รับปริญญาเอกสาขารัฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยชิคาโก สหรัฐ เมื่อปี 2508 เคยเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยหลายแห่งในแดนอินทรี ก่อนจะเดินทางกลับมาร่วมงานกับมหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน เมื่อปี 2511 ในตำแหน่งคณบดีคณะรัฐศาสตร์ และสถาบันรัฐศาสตร์สำหรับนักศึกษาปริญญาโท

ในฐานะประธานพรรคเคเอ็มที เหลียนได้ดำเนินการปฏิรูปกระบวนการดำเนินงานของพรรค และเดินหน้าผลักดันให้เกิดความร่วมมือกับพรรคพีเพิ่ล เฟิร์สต์ (พีเอฟพี) และพรรคนิว พาร์ตี้ เพื่อจัดตั้งกลุ่มพันธมิตร ภายใต้ชื่อ แพน-บลู อัลลายแอนซ์

เหลียนเคยพิสูจน์ความสามารถของตนเองให้ประชาคมโลกได้ประจักษ์ เมื่อครั้งเป็นแกนนำการเจรจาในปี 2535 ที่ไต้หวันและจีน สามารถหาข้อสรุปถึงการยึดมั่นในนโยบายจีนเดียวของรัฐบาลปักกิ่งได้

นอกจากนี้ เขายังอุทิศตนให้กับการพัฒนาความสัมพันธ์ และการทำงานเพื่อสันติภาพข้ามช่องแคบไต้หวันด้วย

ผลงานของพรรคเคเอ็มที ช่วงที่มีเหลียนเป็นประธานพรรคนั้น รวมถึงความสำเร็จในการผลักดันให้เกิดเที่ยวบินฉลองเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ นำนักธุรกิจไต้หวันบินไปสู่แผ่นดินใหญ่ พร้อมส่งคณะผู้แทนพรรคเคเอ็มทีเดินทางไปเยือนจีนช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งจากความสำเร็จนี้ ทำให้เหลียนตัดสินใจที่จะรับคำเชิญจากเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน เดินทางไปเยือนแผ่นดินใหญ่