'มุคตาร์ ไม' เพื่อสิทธิแห่งสตรีอิสลาม(บุคคลโลก / นฤมล คนึงสุขเกษม)
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ปากีสถานตกเป็นเป้าความสนใจของประชาคมโลกอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเรื่องการสู้รบ แต่เป็นเพราะศาลฎีกาของประเทศ เปิดไต่สวนในการอุทธรณ์คดีข่มขืนของ 'มุคตาร์ ไม' ที่ดังกระฉ่อนไปทั่วโลก
ไม วัย 36 ปี ได้รับการยกย่องจากนานาประเทศ ถึงความกล้าหาญที่ออกมาพูดถึงเรื่องที่เธอตกเป็นเหยื่อแห่งการทำร้ายร่างกาย การเคลื่อนไหวที่เน้นให้เห็นถึงรูปแบบที่ทารุณโหดร้ายของระบบยุติธรรมในเผ่า ที่ยังมีอยู่อย่างแพร่หลายในพื้นที่ต่างๆ ของประเทศมุสลิมแห่งนี้
บรรดานักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชน พากันกล่าวหารัฐบาลปากีสถานว่าพยายามที่จะทำให้เธอปิดปากเงียบ ทั้ง พล.อ.เปอร์เวซ มูชาราฟ ประธานาธิบดี ยังสั่งห้ามเธอจากการเดินทางไปยังสหรัฐ เพื่อพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งรัฐบาลต้องยกเลิกคำสั่งดังกล่าวเมื่อไม่นานมานี้ หลังโดนประท้วงจากแดนอินทรี
นิโลเฟอร์ บัคเทียร์ ที่ปรึกษาประธานาธิบดีมูชาราฟ ด้านการพัฒนาผู้หญิง ระบุว่า ผู้นำประเทศออกคำสั่งห้ามเดินทางดังกล่าว ที่รวมถึงการยึดหนังสือเดินทางของไมไว้ด้วยนั้น เพราะได้ยินมาว่า หญิงสาวผู้นี้ได้รับเชิญจากกลุ่มเอ็นจีโอ ให้เดินทางไปสหรัฐ เพื่อทำให้ปากีสถานเสื่อมเสียชื่อเสียง
อย่างไรก็ดี กลุ่มผู้สนับสนุนหญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายรายนี้ ยังแฉอีกว่า แม้รัฐบาลจะคืนเอกสารให้กับไมแล้วก็ตาม แต่หน้าบ้านพักของเธอยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเฝ้าอยู่ตลอดเวลา โดยอ้างว่าเธอจำเป็นต้องได้รับการคุ้มครอง
การขึ้นศาลเพื่อฟังการไต่สวนครั้งล่าสุด จัดขึ้นท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีกลุ่มเจ้าหน้าที่ทางการทูต และนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนจำนวนหนึ่งมารวมตัวกัน เพื่อให้กำลังใจกับไม ผู้มาปรากฏตัวยังศาลด้วยท่าทีผ่อนคลาย และมีความสุข
คดีของไมได้รับความสนใจจากชาวโลกในปี 2545 เมื่อมีข่าวออกมาว่าสภาหมู่บ้านได้สั่งให้ผู้ชายจำนวนหนึ่งข่มขืนเธอ เพื่อแก้แค้นต่อการที่มีคนพบเห็นน้องชายของเธออยู่กับหญิงสาวที่มีวรรณะสูงกว่า แต่ไมระบุว่า เป็นการกล่าวหา เพื่อปกปิดเรื่องที่น้องชายของเธอถูกชายผู้มีวรรณะสูงกว่าล่วงละเมิดทางเพศ
การยืนหยัด และไม่ยอมอ่อนข้อต่อการลงโทษดังกล่าว ที่ถือเป็นเรื่องผิดวิสัยสำหรับสตรีชาวมุสลิม ทำให้เธอกลายเป็นสัญลักษณ์สำหรับสิทธิสตรีในภูมิภาคนี้
ไมกล้ำกลืนต่อความอับอายจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และนำเรื่องราวของเธอประกาศให้สาธารณชนได้รับรู้ ส่งผลให้มีการตัดสินประหารชีวิตชาย 6 คน และยกฟ้องอีก 8 คน
อย่างไรก็ดี ศาลอุทธรณ์ได้กลับคำตัดสินของศาลชั้นต้น โดยยกฟ้องจำเลย 5 คน พร้อมลดโทษจำเลยคนที่ 6 เหลือเพียงจำคุกตลอดชีวิต โดยให้เหตุผลถึงการขาดพยานหลักฐาน ทั้งศาลสูงอิสลามของปากีสถานยังเข้ามากดดันให้มีการยกฟ้องจำเลยทั้ง 6 คน แต่ไม่กี่วันต่อมา ศาลฎีกาก็ได้ก้าวเข้ามาแทรกแซง โดยได้ตั้งข้อกังขาว่าการตัดสินคดีนี้อยู่ในอำนาจของศาลอิสลามหรือไม่ พร้อมตัดสินใจที่จะนำคดีของไมมาไต่สวนเอง
นับแต่เกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น ไมได้กลายมาเป็นนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิสตรี ซึ่งแม้ว่าเธอจะไม่รู้หนังสือ แต่เธอก็ได้ช่วยจัดตั้งโรงเรียนสำหรับเด็กผู้หญิงในหมู่บ้านของเธอ ด้วยเงินบริจาคจากบรรดากลุ่มผู้สนับสนุนเธอ ที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในสหรัฐ
: หนองปลาปาก : ตำบลกวนวัน : ตำบลในเมือง : ตำบลค่ายบกหวาน : ตำบลบ้านเดื่อ : ตำบลพระธาตุบังพวน : ตำบลปะโค : ตำบลโพนสว่าง : ตำบลโพธิ์ชัย : ตำบลเมืองหมี : ตำบลมีชัย : ตำบลเวียงคุก : ตำบลวัดธาตุ : ตำบลสีกาย : ตำบลหาดคำ : ตำบลหนองกอมเกาะ : ตำบลหินโงม : ตำบลกุดบง : ตำบลชุมช้าง : ตำบลจุมพล : ตำบลทุ่งหลวง : ตำบลเซิม : ตำบลนาหนัง : ตำบลบ้านโพธิ์ : ตำบลบ้านผือ : ตำบลวัดหลวง : ตำบลสร้างนางขาว : ตำบลเหล่าต่างคำ : ตำบลกองนาง : ตำบลท่าบ่อ : ตำบลโคกคอน : ตำบลน้ำโมง : ตำบลนาข่า : ตำบลบ้านเดื่อ : ตำบลบ้านถ่อน : ตำบลโพนสา : ตำบลบ้านว่าน : ตำบลหนองนาง : ตำบลนาดี : ตำบลเฝ้าไร่ : ตำบลหนองหลวง : ตำบลวังหลวง : ตำบลอุดมพร : ตำบลบ้านต้อน : ตำบลนาทับไฮ : ตำบลพระบาทนาสิงห์ : ตำบลโพนแพง : ตำบลบ้านหม้อ : ตำบลรัตนวาปี : ตำบลพระพุทธบาท : ตำบลพานพร้าว : ตำบลแก้งไก่ : ตำบลบ้านม่วง : ตำบลนางิ้ว : ตำบลผาตั้ง : ตำบลสังคม : ตำบลโพนทอง : ตำบลด่านศรีสุข : ตำบลโพธิ์ตาก : ตำบลสระใคร : ตำบลบ้านฝาง : ตำบลคอกช้าง
วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2553
'มุคตาร์ ไม' เพื่อสิทธิแห่งสตรีอิสลาม(บุคคลโลก / นฤมล คนึงสุขเกษม)
เขียนโดย
Thai Writer
ที่
04:45
ส่งอีเมลข้อมูลนี้BlogThis!แชร์ไปยัง Xแชร์ไปที่ Facebookแชร์ใน Pinterest
เรื่องน่าสนใจเกี่ยวเนื่องกัน:
ป้ายกำกับ:
บุคคลโลก