: หนองปลาปาก : ตำบลกวนวัน : ตำบลในเมือง : ตำบลค่ายบกหวาน : ตำบลบ้านเดื่อ : ตำบลพระธาตุบังพวน : ตำบลปะโค : ตำบลโพนสว่าง : ตำบลโพธิ์ชัย : ตำบลเมืองหมี : ตำบลมีชัย : ตำบลเวียงคุก : ตำบลวัดธาตุ : ตำบลสีกาย : ตำบลหาดคำ : ตำบลหนองกอมเกาะ : ตำบลหินโงม : ตำบลกุดบง : ตำบลชุมช้าง : ตำบลจุมพล : ตำบลทุ่งหลวง : ตำบลเซิม : ตำบลนาหนัง : ตำบลบ้านโพธิ์ : ตำบลบ้านผือ : ตำบลวัดหลวง : ตำบลสร้างนางขาว : ตำบลเหล่าต่างคำ : ตำบลกองนาง : ตำบลท่าบ่อ : ตำบลโคกคอน : ตำบลน้ำโมง : ตำบลนาข่า : ตำบลบ้านเดื่อ : ตำบลบ้านถ่อน : ตำบลโพนสา : ตำบลบ้านว่าน : ตำบลหนองนาง : ตำบลนาดี : ตำบลเฝ้าไร่ : ตำบลหนองหลวง : ตำบลวังหลวง : ตำบลอุดมพร : ตำบลบ้านต้อน : ตำบลนาทับไฮ : ตำบลพระบาทนาสิงห์ : ตำบลโพนแพง : ตำบลบ้านหม้อ : ตำบลรัตนวาปี : ตำบลพระพุทธบาท : ตำบลพานพร้าว : ตำบลแก้งไก่ : ตำบลบ้านม่วง : ตำบลนางิ้ว : ตำบลผาตั้ง : ตำบลสังคม : ตำบลโพนทอง : ตำบลด่านศรีสุข : ตำบลโพธิ์ตาก : ตำบลสระใคร : ตำบลบ้านฝาง : ตำบลคอกช้าง

วันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2553

'แฟรงก์ เซียะ' นายกฯ ไต้หวันคนใหม่(บุคคลโลก / นฤมล คนึงสุขเกษม)

'แฟรงก์ เซียะ' นายกฯ ไต้หวันคนใหม่(บุคคลโลก / นฤมล คนึงสุขเกษม)
ประธานาธิบดีเฉิน สุย เปี่ยน แห่งไต้หวัน ประกาศเมื่อวันที่ 25 มกราคม แต่งตั้งนายแฟรงก์ เซียะ นายกเทศมนตรีเมืองเกาสง ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แทนนายโหยว ซี-คุน ซึ่งยื่นใบลาออกทั้งคณะรัฐบาล หลังบริหารประเทศมา 3 ปี

นายเซียะ วัย 59 ปี ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นนักเจรจาฝีปากเอก และยังเป็นนักวางแผนในพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (ดีพีพี) จะกลายเป็นผู้นำอันดับ 3 ของไต้หวัน ซึ่งนายเฉินได้ฝากความหวังว่า นายเซียะมีความเหมาะสมที่สุดที่จะ 'เปิดศักราชการเจรจาประนีประนอม' ทั้งกับฝ่ายค้านโดยการนำของพรรคก๊กมินตั๋ง รวมถึงคู่รักคู่แค้นอย่างจีนด้วย

การลาออกของรัฐบาลในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากการที่พรรคดีพีพีปราชัยในการเลือกตั้ง ส.ส. ในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ซึ่งทำให้นายเฉินแสดงความรับผิดชอบโดยประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานพรรค แต่ยังมีอำนาจจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย

นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไต้หวัน เป็นหัวหน้าครอบครัวของบุตรหญิง 1 คน ชาย 1 คน กับภรรยาชื่อ โหยว ฟาง-จี เขาจบการศึกษาด้านนิติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน และเข้าศึกษาต่อปริญญาโทและเอก ที่มหาวิทยาลัยเกียวโตในญี่ปุ่น เคยเป็นทนายความด้านสิทธิมนุษยชน และหันเหเส้นทางสู่การเมืองครั้งแรก หลังถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับ 'กรณีเกาสง' ในปี 2522 ซึ่งประชาชนหลายร้อยคนชุมนุมกลางถนนในเกาสง เพื่อประท้วงเรียกร้องเสรีภาพ

การประท้วงครั้งนั้นเป็นการแสดงความไม่พอใจของประชาชนเป็นครั้งแรก ต่อรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคก๊กมินตั๋ง ซึ่งถือเป็นจุดพลิกผันให้เกิดชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยในไต้หวันขึ้น และให้กำเนิดผู้นำรุ่นต่อๆ มาอย่างนายเฉิน สุย เปี่ยน นั่นเอง

นายเซียะร่วมก่อตั้งพรรคดีพีพีในปี 2529 ขึ้น ท้าทายข้อห้ามตั้งพรรคการเมืองใหม่ของพรรคก๊กมินตั๋ง ซึ่งปกครองประเทศมาตั้งแต่แยกตัวจากจีนแผ่นดินใหญ่ หลังสงครามกลางเมืองในปี 2492 โดยพรรคดีพีพีมีนโยบายชูไต้หวันเป็นเอกราช ซึ่งถือเป็นแนวทางที่ทำให้ทางการปักกิ่งแยกเขี้ยวคำรามใส่มาโดยตลอด

นายเซียะเข้าเป็นสมาชิกสภาเทศบาลเมืองไทเป ในปี 2524-2532 หลังจากนั้นได้รับเลือกเป็น ส.ส. จนกระทั่งปี 2539 เขาได้รับการเสนอชื่อจากทางพรรค ให้ลงสมัครรับเลือกตั้งในฐานะรองประธานาธิบดีของนายเผิง หมิงหมิง แต่พ่ายแพ้คะแนนเสียงไป

สถานะของนายเฉิน และนายเซียะ ถือว่าเป็นคู่แข่งกันมาตลอด โดยในปี 2543 นายเฉินชนะคะแนนในการเลือกประธานพรรค และชนะการเลือกตั้งขึ้นนั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีได้สำเร็จ ยุติอำนาจของพรรคก๊กมินตั๋งที่มีมา 51 ปีลงได้ ทั้งยังชนะเลือกตั้งในสมัยที่ 2 เมื่อปีที่แล้วอีกด้วย

ในปี 2541 นายเซียะได้รับเลือกเป็นนายกเทศมนตรีเมืองเกาสง ซึ่งตลอดวาระดำรงตำแหน่งที่ผ่านมา 2 สมัย เขาได้รับเสียงชื่นชมด้านการยกระดับภาพลักษณ์ของเมืองในสายตาชาวโลก จนกลายเป็นศูนย์กลางการประชุมนานาชาติหลายครั้ง และได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพการแข่งขันเวิลด์ เกมส์ ในปี 2554

ภารกิจที่ยากเย็น ซึ่งเฝ้ารอนายเซียะอยู่ คือ การสานรอยร้าวระหว่างรัฐบาลและบรรดาฝ่ายค้าน ได้แก่ พรรคก๊กมินตั๋ง พรรคชาตินิยม และพรรคพีเพิลเฟิร์ส ซึ่งครองเสียงข้างมากในสภามาตั้งแต่ 4 ปีก่อน และทำให้การผ่านร่างกฎหมายจากประธานาธิบดีเจออุปสรรค โดยนายเฉินเองก็ตั้งความหวังว่า ท่าทียอมอ่อนข้อของนายเซียะ จะทำให้ปัญหานี้คลี่คลายลง

ด้านความสัมพันธ์กับจีนนั้น ที่ผ่านมานายเฉินถูกวิจารณ์ว่าแข็งข้อกับทางการปักกิ่งมากเกินไป จนจีนปฏิเสธที่จะเจรจาด้วย ขณะที่นายเซียะให้คำมั่นว่าจะวางนโยบายที่ปฏิบัติได้จริง และมีความยืดหยุ่นมากกว่า

"เราไม่ควรจะเล็งที่เป้าอย่างเดียว แต่ต้องเข้าใจขอบเขตของการยิงด้วย" นายเซียะกล่าวประโยคที่ฟังเข้าใจยาก "อย่างเช่นยิงไปดวงจันทร์ ยังไงก็ไปไม่ถึง"

นายเซียะจะปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ โดยความเคลื่อนไหวแรกของเขา คือ การระงับการเปลี่ยนชื่อประเทศที่ปรากฏในสถานศึกษา และหน่วยงานต่างๆ จาก 'สาธารณรัฐจีน' เป็น 'ไต้หวัน' เอาไว้ก่อน หลังจากนายเฉินเคยประกาศกร้าวก่อนเลือกตั้ง ส.ส. ว่าจะทำให้ชื่อไต้หวันแสดงถึงเอกราช โดยไม่เกี่ยวข้องกับชื่อ 'ไชน่า' อีก

แม้ไต้หวันจะเปลี่ยนท่าทีมาออดอ้อนแผ่นดินใหญ่ แต่ทางการปักกิ่งก็ยังทำตัวเป็นยักษ์หลับ ไม่แสดงความเห็นต่อผู้นำฝ่ายบริหารคนใหม่ของไต้หวันแต่อย่างใด