นิมิตหมายอันดีที่ต้องเข้าใจกันจริง(Makong Corridor / ทรงฤทธิ์ โพนเงิน )
กรณีที่น่าจะถือได้ว่า เป็นนิมิตหมายอันดีในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสื่อ มวลชนไทยกับลาวที่เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ก็คือการที่สมาคมนักจัดรายการวิทยุในพื้นที่จังหวัดชายแดนของประเทศไทย ได้ตกลงร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงแถลงข่าว-วัฒนธรรมลาวว่าจะแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างกันให้มากขึ้น
ทั้งนี้เพื่อทำให้การตกลงดังกล่าวสามารถนำไปสู่การปฏิบัติความร่วมมือระหว่างกันอย่างแท้จริง ทางการของทั้งสองฝ่ายก็ได้ตกลงร่วมกันว่าจะเริ่มต้นด้วยการจัดทำราย การวิทยุในรูปแบบของเมืองหรือจังหวัดคู่แฝดที่อยู่ตรงข้ามหรือมีชายแดนติดต่อกันก่อน
โดยสำหรับในระยะแรกจะเริ่มด้วยการจัดทำรายการวิทยุชายแดนร่วมกันในเขตสามพื้นที่ด้วยกันกล่าวคือระหว่างจังหวัดเชียงรายกับแขวงบ่อแก้ว จังหวัดหนองคายกับนครหลวงเวียงจันทน์ และจังหวัดอุบลราชธานีกับแขวงจำปาสัก
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการที่ทั้งสองฝ่ายได้คำนึงถึงวิถีการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อฯที่อยู่ในท่ามกลางระบอบการเมือง-การปกครองที่แตกต่างกัน จึงทำให้การตกลงเพื่อจัด ทำรายการร่วมกันในทั้งสามพื้นที่ระหว่างไทย-ลาวดังกล่าวนี้ จะได้เน้นหนักเนื้อหาสาระไปในด้านวัฒนธรรม-ประเพณีระหว่างสองฝ่ายเป็นหลัก
นอกจากนั้นก็จะเน้นหนักในด้านของการแลกเปลี่ยนข้อมูล-ข่าวสารเกี่ยวกับการลักลอบค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ข้ามชาติและปัญหาแรงงานเถื่อน ซึ่งเป็นการร่วมมือที่ทางการของทั้งสองฝ่ายได้ให้ความสำคัญที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหาร่วมกันอยู่แล้ว
ฉะนั้น ถึงแม้ว่าระบอบการเมือง-การปกครองระหว่างไทยกับลาวจะแตกต่างกันอันหมายถึงสภาพเงื่อนไขภายในที่ทำให้วิถีการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อฯต้องแตกต่างกันไปด้วยก็ตาม แต่ถ้าหากการเริ่มต้นร่วมมือกันดังกล่าวนี้สามารถดำเนินไปได้ด้วยดีก็ย่อมที่จะนับเป็นการวางรากฐานสำหรับความเข้าใจอันดีระหว่างกันมากขึ้นในอนาคตด้วย
อย่างไรก็ตาม จะต้องไม่ลืมว่านี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น ในขณะที่ความแตก ต่างระหว่างสื่อในลาวกับไทยนั้นได้ดำเนินสืบต่อกันมาถึง 30 ปีแล้ว
กล่าวก็คือในขณะที่สื่อทุกสื่อในลาวนั้นถือเป็นกระบอกเสียงของพรรคประชาชนปฏิวัติและรัฐบาลลาว ซึ่งทำให้สื่อทุกแขนงไม่สามารถที่จะวิพากษ์-วิจารณ์แนวทางและการนำของพรรคฯได้เลยนั้น จึงนับว่าแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับสื่อในเมืองไทยที่สามารถที่จะวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติแนวนโยบายของรัฐบาลไทยได้ตลอดเวลานั่นเอง
เพราะฉะนั้น ด้วยความแตกต่างในวิถีและเสรีภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อในลาวกับไทยเช่นนี้ จึงมิใช่เรื่องง่ายๆ เลยที่ทั้งสองฝ่ายจะสามารถปฏิบัติการพัฒนาความร่วมมือในด้านสื่อระหว่างกันไปจนถึงจุดที่เรียกได้ว่าเป็นความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกันอย่างแท้จริง
หากแต่ด้วยความแตกต่างเช่นนี้ ในขณะที่ภาษาและวัฒนธรรมประเพณีมีความใกล้ชิดกันจนเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งเดียวกันนั้นกลับยังคงเป็นสิ่งที่เปราะบางอย่างยิ่ง ทั้งยัง คงดำรงอยู่เรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้นั้นกลับพร้อมที่จะปะทุขึ้นมาได้ในทุกเมื่อที่ลาวกับไทยมีข้อขัดแย้งกันทั้งในด้านการเมืองและสังคม-วัฒนธรรม อันรวมถึงเงื่อนไขจากภายนอกประเทศทั้งสองด้วย
กล่าวสำหรับกรณีที่ชัดเจนอันเกี่ยวกับเงื่อนไขจากภายนอกประเทศนั้น ก่อนอื่นจะต้องไม่ลืมว่าสำนักข่าวต่างประเทศจากทั่วทุกสารทิศทั่วโลกโดยไม่มีการจำแนกลัทธิทางการเมือง ต่างก็มีสิทธิ์ที่จะได้รับอนุญาตจากทางการไทยเพื่อให้ตั้งสำนักงานข่าวในประเทศไทยได้อย่างถูกต้องทั้งสิ้น
ซึ่งไม่เพียงจะถือเป็นสภาพที่แตกต่างกับในลาวอย่างสิ้นเชิง ที่ไม่ยอมอนุญาตให้สำนักข่าวต่างประเทศ (จากค่ายเสรีนิยม) เข้าไปตั้งสำนักงานในลาวเท่านั้น หากแต่ด้วยรัฐธรรมนูญการปกครองของไทยยังไม่อนุญาตให้ทางการใช้อำนาจรัฐเพื่อการแทรกแซงและจำกัดเสรีภาพของสื่อมวลชนในไทยได้ด้วยนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้เลยที่ทางการไทยจะสามารถควบคุมการนำเสนอข่าวที่มีเนื้อหาไปในทางที่กระทบต่อลาวนั่นเอง
ดังกรณีที่ได้เกิดขึ้นไม่นานมานี้ เมื่อทางการลาวได้ออกแถลงการณ์ตอบโต้โจมตีกลุ่มขบวนการต่อสู่เพื่อประชาธิปไตยในลาวที่สหรัฐอเมริกา ด้วยการอ่านแถลงการณ์ฯออกอากาศทางสถานีวิทยุแห่งชาติลาวในช่วงข่าวภาคเช้าในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ว่าการให้สัมภาษณ์ข่าวของกลุ่มฯดังกล่าวนี้ต่อวิทยุเอเชียเสรี (RFA) ได้ออกอากาศไปเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานั้นไม่มีมูลความจริง
ทั้งนี้โดย RFA ภาคภาษาลาวได้ออกอากาศการสัมภาษณ์ Wang Yee Vang ซึ่งเป็นประธานสหพันธ์คนลาวในสหรัฐฯที่ได้ระบุว่าประเทศลาวกำลังถูกควบคุมโดยกำลังทหารเวียดนามทั้งในด้านเศรษฐกิจ-การเมืองและการทหาร
ซึ่งนอกจากจะทำให้ทางการลาวตอบโต้ว่าเป็นการเสกสรรปั้นแต่งโดยบุคคลผู้ที่ไม่หวังดี หากแต่หวังที่จะทำลายชื่อเสียงและเกียรติศักดิ์ศรีของประเทศลาวในเวทีสากล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพื่อเป็นการโฆษณาชวนเชื่อในทางลบที่เกี่ยวกับลาวในสายตาของนานาชาติที่ได้ให้ความช่วยเหลือในด้านต่างๆ แก่ลาวแล้ว
แถลงการณ์ฉบับดังกล่าวนี้ของทางการลาวยังได้ระบุด้วยว่ากลุ่มที่อ้างตนเองว่าเป็นขบวนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในลาว ยังเป็นพวกที่มีความอคติต่อประชาชนลาวบรรดาเผ่าและต่อรัฐบาลลาว
ส่วน RFA ภาคภาษาลาวนั้นก็ถูกทางการลาวประณามว่าทำหน้าที่ในฐานะสื่อที่ไม่มีความเป็นกลาง และไม่มีจรรยาบรรณของความเป็นสื่ออยู่เลย เนื่องจากได้นำเสนอข่าวที่มีเนื้อหาสาระที่เป็นการฟังความข้างเดียวนั่นเอง
แน่นอนว่าการออกแถลงการณ์ทางอากาศของทางการลาวดังกล่าวนี้ ย่อมจะส่ง ไปไม่ถึงคนลาวในสหรัฐฯ ถ้าหาก RFA ภาคภาษาลาวไม่นำข่าวนี้ไปออกอากาศอีกทอดหนึ่งในตอนเย็นของวันเดียวกัน
แต่ในทางตรงกันข้ามการนำเสนอข่าวทุกเรื่องที่กระจายเสียงผ่าน RFA นั้นกลับเป็นที่ได้ยินได้ฟังในหมู่คนลาวทั้งในและต่างประเทศอย่างกว้างขวางทั้งยังสามารถที่จะรับฟังได้ตลอดเวลาและรับฟังย้อนหลังได้เป็นเดือนอีกด้วย ถ้าหากคนลาวผู้นั้นมีระบบ Computer Internet อยู่ที่บ้าน
ว่ากันว่าภายใต้สถานการณ์ที่เป็นอยู่เช่นนี้ ไม่เพียงจะเป็นผลทำให้ทางการลาวต้องจัดตั้งทีมงานขึ้นมาเพื่อรับผิดชอบในการตรวจสอบและรับฟังข้อมูล-ข่าวสารที่ออก อากาศโดย RFA ภาคภาษาลาวเป็นการเฉพาะเท่านั้น หากแต่ทีมงานชุดดังกล่าวนี้ยังจะต้องรวบรวมข้อมูล-ข่าวสารที่ออกอากาศนั้นเพื่อเสนอรายงานต่อเบื้องสูงในพรรคฯและรัฐบาลลาวเป็นประจำทุกวันอีกด้วย
เพราะฉะนั้น สิ่งหนึ่งที่จะต้องจับตาดูต่อไปสำหรับการพัฒนาความสัมพันธ์ด้านสื่อระหว่างไทยกับลาวในระยะต่อไปนั้น ก็คือการแสดงบทบาทของ RFA เพราะจะต้องไม่ลืมว่าในท่ามกลางบรรยากาศแห่งเสรีภาพของสื่อมวลชนในประเทศไทยนั้น RFA ก็คือหนึ่งในสำนักข่าวต่างประเทศจากทั่วโลกที่มีสำนักงานฯในประเทศไทย
ด้วยเหตุนี้ ถ้าหากปรากฏว่าทางการไทยได้รับการร้องขอจากทางการลาวที่เกี่ยว ข้องโดยตรงกับสถานะของ RFA ในเมืองไทยในระยะต่อไปข้างหน้านั้นความสำคัญของเรื่องจึงอยู่ที่ว่าทางการไทยจะแสดงท่าทีด้วยการปฏิบัติอย่างไรเพื่อจะทำให้ทางการลาวเข้าใจอย่างแท้จริงต่อเงื่อนไขที่ว่าด้วยเสรีภาพแห่งสื่อมวลชนในประเทศไทย
ซึ่งก็เช่นเดียวกันกับการที่สื่อมวลชนไทยจำเป็นจะต้องเข้าใจอย่างแท้จริงในเงื่อน ไขที่ว่าด้วยสิทธิและหน้าที่ของสื่อมวลชนในลาวด้วยนั่นเอง
: หนองปลาปาก : ตำบลกวนวัน : ตำบลในเมือง : ตำบลค่ายบกหวาน : ตำบลบ้านเดื่อ : ตำบลพระธาตุบังพวน : ตำบลปะโค : ตำบลโพนสว่าง : ตำบลโพธิ์ชัย : ตำบลเมืองหมี : ตำบลมีชัย : ตำบลเวียงคุก : ตำบลวัดธาตุ : ตำบลสีกาย : ตำบลหาดคำ : ตำบลหนองกอมเกาะ : ตำบลหินโงม : ตำบลกุดบง : ตำบลชุมช้าง : ตำบลจุมพล : ตำบลทุ่งหลวง : ตำบลเซิม : ตำบลนาหนัง : ตำบลบ้านโพธิ์ : ตำบลบ้านผือ : ตำบลวัดหลวง : ตำบลสร้างนางขาว : ตำบลเหล่าต่างคำ : ตำบลกองนาง : ตำบลท่าบ่อ : ตำบลโคกคอน : ตำบลน้ำโมง : ตำบลนาข่า : ตำบลบ้านเดื่อ : ตำบลบ้านถ่อน : ตำบลโพนสา : ตำบลบ้านว่าน : ตำบลหนองนาง : ตำบลนาดี : ตำบลเฝ้าไร่ : ตำบลหนองหลวง : ตำบลวังหลวง : ตำบลอุดมพร : ตำบลบ้านต้อน : ตำบลนาทับไฮ : ตำบลพระบาทนาสิงห์ : ตำบลโพนแพง : ตำบลบ้านหม้อ : ตำบลรัตนวาปี : ตำบลพระพุทธบาท : ตำบลพานพร้าว : ตำบลแก้งไก่ : ตำบลบ้านม่วง : ตำบลนางิ้ว : ตำบลผาตั้ง : ตำบลสังคม : ตำบลโพนทอง : ตำบลด่านศรีสุข : ตำบลโพธิ์ตาก : ตำบลสระใคร : ตำบลบ้านฝาง : ตำบลคอกช้าง
วันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2553
นิมิตหมายอันดีที่ต้องเข้าใจกันจริง(Makong Corridor / ทรงฤทธิ์ โพนเงิน )
เขียนโดย
Thai Writer
ที่
00:40
ส่งอีเมลข้อมูลนี้BlogThis!แชร์ไปยัง Xแชร์ไปที่ Facebookแชร์ใน Pinterest
เรื่องน่าสนใจเกี่ยวเนื่องกัน:
ป้ายกำกับ:
อาเซียน