: หนองปลาปาก : ตำบลกวนวัน : ตำบลในเมือง : ตำบลค่ายบกหวาน : ตำบลบ้านเดื่อ : ตำบลพระธาตุบังพวน : ตำบลปะโค : ตำบลโพนสว่าง : ตำบลโพธิ์ชัย : ตำบลเมืองหมี : ตำบลมีชัย : ตำบลเวียงคุก : ตำบลวัดธาตุ : ตำบลสีกาย : ตำบลหาดคำ : ตำบลหนองกอมเกาะ : ตำบลหินโงม : ตำบลกุดบง : ตำบลชุมช้าง : ตำบลจุมพล : ตำบลทุ่งหลวง : ตำบลเซิม : ตำบลนาหนัง : ตำบลบ้านโพธิ์ : ตำบลบ้านผือ : ตำบลวัดหลวง : ตำบลสร้างนางขาว : ตำบลเหล่าต่างคำ : ตำบลกองนาง : ตำบลท่าบ่อ : ตำบลโคกคอน : ตำบลน้ำโมง : ตำบลนาข่า : ตำบลบ้านเดื่อ : ตำบลบ้านถ่อน : ตำบลโพนสา : ตำบลบ้านว่าน : ตำบลหนองนาง : ตำบลนาดี : ตำบลเฝ้าไร่ : ตำบลหนองหลวง : ตำบลวังหลวง : ตำบลอุดมพร : ตำบลบ้านต้อน : ตำบลนาทับไฮ : ตำบลพระบาทนาสิงห์ : ตำบลโพนแพง : ตำบลบ้านหม้อ : ตำบลรัตนวาปี : ตำบลพระพุทธบาท : ตำบลพานพร้าว : ตำบลแก้งไก่ : ตำบลบ้านม่วง : ตำบลนางิ้ว : ตำบลผาตั้ง : ตำบลสังคม : ตำบลโพนทอง : ตำบลด่านศรีสุข : ตำบลโพธิ์ตาก : ตำบลสระใคร : ตำบลบ้านฝาง : ตำบลคอกช้าง

วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ลักษมัน คาดีร์กามาร์ ผู้อุทิศตนเพื่อสันติภาพศรีลังกา(บุคคลโลก / นฤมล คนึงสุขเกษม)

ลักษมัน คาดีร์กามาร์ ผู้อุทิศตนเพื่อสันติภาพศรีลังกา(บุคคลโลก / นฤมล คนึงสุขเกษม)
ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ศรีลังกาต้องสูญเสียรัฐมนตรีต่างประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้สนับสนุนการใช้มาตรการแข็งกร้าวกับกลุ่มกบฏ และรณรงค์ต่อต้านกลุ่มกบฏในระดับนานาชาติมายาวนาน

นายลักษมัน คาดีร์กามาร์ รัฐมนตรีต่างประเทศศรีลังกา เสียชีวิตจากการลอบสังหารขณะกลับเข้าบ้านเมื่อกลางดึกวันที่ 12 สิงหาคม โดยคนร้ายซุ่มยิงจากหน้าต่างที่เปิดอยู่ในบ้านตรงข้ามกับบ้านพักของเขา

รัฐบาลศรีลังกาเชื่อมั่นว่า การลอบสังหารนายคาดีร์กามาร์เป็นฝีมือของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนพยัคฆ์ทมิฬอีแลม แต่กลุ่มดังกล่าวออกแถลงการณ์ในเวบไซต์ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ พร้อมทั้งแนะนำให้สอบสวนคนในรัฐบาลที่เชื่อว่ามีส่วนพัวพันการสังหาร เนื่องจากไม่ต้องการให้กระบวนการสันติภาพเดินหน้าต่อไป

นายคาดีร์กามาร์ วัย 73 ปี เป็นชาวทมิฬ และเป็นที่ปรึกษาระดับสูงของประธานาธิบดีจันทริกา กุมาระตุงกะ ในกระบวนการสันติภาพกับกลุ่มกบฏทมิฬ เหตุสังหารครั้งนี้เกิดขึ้นขณะที่สถานการณ์ระหว่างรัฐบาลและกลุ่มกบฏทวีความตึงเครียดยิ่งขึ้น โดยกลุ่มกบฏขู่ว่าจะเดินหน้าทำสงครามต่อไป

ประธานาธิบดีกุมาระตุงกะ ประกาศภาวะฉุกเฉินทันที ภายหลังการเสียชีวิตของนายคาดีร์กามาร์ ด้วยเหตุผลเพื่อรักษาความมั่นคงของชาติ และเป็นหนึ่งในมาตรการทางกฎหมายเพื่อเปิดทางให้มีการส่งกำลังทหารในกรณีฉุกเฉิน

ขณะเดียวกัน ทางการศรีลังกาตั้งคณะสอบสวนการทำงานของหน่วยข่าวกรองที่ไม่สามารถคุ้มครองชีวิตนายคาดีร์กามาร์ ทั้งที่มีการวางมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด

นายตำรวจระดับสูงกล่าวว่า มาตรการรักษาความปลอดภัยแก่รัฐมนตรีต่างประเทศ ส่วนใหญ่มุ่งเน้นในขณะที่เดินทาง โดย 3 วันก่อนหน้านั้นมีการวางแผนเพิ่มจำนวนรถติดตามในขบวนของนายคาดีร์กามาร์ แต่ประเด็นน่าสงสัยที่สุดคือ การรวบรวมข่าวกรองและการตรวจสอบเพื่อนบ้านของนายคาดีร์กามาร์ เนื่องจากมีหลักฐานว่ามือปืนอยู่ห่างจากบ้านของเขาไม่ไกลนัก

ทั้งนี้ เป็นที่เชื่อกันอย่างกว้างขวางว่า นายคาดีร์กามาร์เป็นเป้าหมายหลักของกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬอีแลม และนับเป็นรัฐมนตรีที่ได้รับการคุ้มกันอย่างหนาแน่นที่สุดในรัฐบาลศรีลังกา รองจากประธานาธิบดีกุมาระตุงกะ

นายคาดีร์กามาร์ ซึ่งเติบโตขึ้นมาในเมืองแคนดี จบการศึกษาวิชากฎหมายจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด มีความเชี่ยวชาญในด้านกฎหมายระหว่างประเทศและทรัพย์สินทางปัญญา ถือเป็นนักการเมืองที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดคนหนึ่งของศรีลังกา ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศมานาน 7 ปีจนถึงปี 2544 และได้รับแต่งตั้งจากประธานาธิบดีกุมาระตุงกะให้กลับมารับตำแหน่งเดิมอีกครั้งเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว

นายคาดีร์กามาร์เคยลงชิงตำแหน่งเลขาธิการคอมมอนเวลธ์ องค์กรของอดีตอาณานิคมอังกฤษ เมื่อปี 2546 แต่พ่ายให้กับนายดอน แมคคินนอน จากนิวซีแลนด์

ด้วยความเป็นนักพูดที่มีเสน่ห์ นายคาดีร์กามาร์จึงสนิทสนมกับสื่อ และมักเดินทางเยือนประเทศต่างๆ อยู่เสมอ รวมทั้งอินเดีย ในการรณรงค์ต่อต้านกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬ

เจ้าหน้าที่ผู้หนึ่งในสำนักงานประธานาธิบดีศรีลังกา เคยกล่าวว่า เนื่องจากนายคาดีร์กามาร์เป็นชาวทมิฬแต่กลับแสดงพฤติกรรมต่อต้านกลุ่มแบ่งแยกดินแดน จึงถือเป็นศัตรูตัวฉกาจของกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬ