: หนองปลาปาก : ตำบลกวนวัน : ตำบลในเมือง : ตำบลค่ายบกหวาน : ตำบลบ้านเดื่อ : ตำบลพระธาตุบังพวน : ตำบลปะโค : ตำบลโพนสว่าง : ตำบลโพธิ์ชัย : ตำบลเมืองหมี : ตำบลมีชัย : ตำบลเวียงคุก : ตำบลวัดธาตุ : ตำบลสีกาย : ตำบลหาดคำ : ตำบลหนองกอมเกาะ : ตำบลหินโงม : ตำบลกุดบง : ตำบลชุมช้าง : ตำบลจุมพล : ตำบลทุ่งหลวง : ตำบลเซิม : ตำบลนาหนัง : ตำบลบ้านโพธิ์ : ตำบลบ้านผือ : ตำบลวัดหลวง : ตำบลสร้างนางขาว : ตำบลเหล่าต่างคำ : ตำบลกองนาง : ตำบลท่าบ่อ : ตำบลโคกคอน : ตำบลน้ำโมง : ตำบลนาข่า : ตำบลบ้านเดื่อ : ตำบลบ้านถ่อน : ตำบลโพนสา : ตำบลบ้านว่าน : ตำบลหนองนาง : ตำบลนาดี : ตำบลเฝ้าไร่ : ตำบลหนองหลวง : ตำบลวังหลวง : ตำบลอุดมพร : ตำบลบ้านต้อน : ตำบลนาทับไฮ : ตำบลพระบาทนาสิงห์ : ตำบลโพนแพง : ตำบลบ้านหม้อ : ตำบลรัตนวาปี : ตำบลพระพุทธบาท : ตำบลพานพร้าว : ตำบลแก้งไก่ : ตำบลบ้านม่วง : ตำบลนางิ้ว : ตำบลผาตั้ง : ตำบลสังคม : ตำบลโพนทอง : ตำบลด่านศรีสุข : ตำบลโพธิ์ตาก : ตำบลสระใคร : ตำบลบ้านฝาง : ตำบลคอกช้าง

วันอังคารที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2553

น.พ.ประสาน ต่างใจ สรุปเราหนีภัยน้ำท่วมโลกไม่พ้นแน่!

จากนิตยสารเนชั่นสุดสัปดาห์

น.พ.ประสาน ต่างใจ สรุปเราหนีภัยน้ำท่วมโลกไม่พ้นแน่!
น.พ.ประสาน ต่างใจ ผู้ศึกษาค้นคว้าและมีบทความเกี่ยวกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของโลกอย่างต่อเนื่อง กล่าวถึงภัยพิบัติจากคลื่นยักษ์สึนามิในครั้งนี้ว่า ประวัติศาสตร์ประเทศไทยไม่เคยมีแผ่นดินไหว เราเพียงแต่ได้รับผลกระทบจากประเทศอื่น คราวนี้ก็เช่นกัน

แต่สิ่งที่ไม่มีใครพูด ถึงเท่าใดนัก และเป็นเรื่องที่น่าจะคิดก่อนหน้านี้ คือ การเคลื่อนตัวของมวลน้ำ ซึ่งพบมากที่สุดทางตะวันตกของทวีปแอตแลนติก ที่ทะเลอันดามันและแปซิฟิกด้วย

จากสาเหตุที่ว่าโลกร้อนขึ้น และน้ำที่ออกจากบริเวณเส้นศูนย์สูตร ระหว่างเส้นศูนย์สูตรมีน้ำร้อนจากแม่น้ำที่พัดย้อนพามวลน้ำไปทางเหนือ น้ำที่เย็นขึ้นๆ ทำให้กระแสน้ำร้อนลอยขึ้นมา และถ่ายทอดความร้อน-ความอบอุ่นของน้ำให้กับคนทางเหนือ เพราะฉะนั้น ประเทศแถวไอซ์แลนด์ ฟินแลนด์ จึงอุ่นไปถึงลอนดอน มัลโมของสวีเดน และย้อนกลับเข้ามา ตอนย้อนกลับเป็นน้ำเย็นไหลลงต่ำ

นี่เป็นสายพานธรรมชาติที่เคลื่อนมวลน้ำจากบริเวณใกล้เส้นศูนย์สูตร สู่ทางด้านเหนือ และวกกลับมา สายพานนี้โดยปกติหยุดไม่ได้ แต่ขณะนี้กำลังจะหยุด เมื่อมันหยุดเพราะโลกร้อน น้ำที่ออกจากแม่น้ำจึงมีจำนวนน้อยลง ไม่ว่าจากบราซิล มิสซิสซิปปี เช่นเดียวกันที่แปซิฟิกก็เป็น

แปซิฟิกไม่มี Gulf Stream (หมายถึง กระแสน้ำอุ่นของมหาสมุทรแอตแลนติกที่ไหลจากอ่าวเม็กซิโกไปตามชายฝั่งตะวันออกของอเมริกา ข้ามไปสู่ยุโรป) แต่มีอย่างอื่นก็แตกเป็นสาขาเล็กๆ 3-4 สาย ที่ทะเลอันดามันก็เหมือนกัน ทะเลอันดามันสายพานไม่ได้เป็นจากเส้นศูนย์สูตรไปทางเหนือ แต่วิ่งจากตะวันออกสู่ตะวันตก จากตะวันตกสู่ตะวันออก มันเป็นวงอยู่ใต้ๆ บริเวณสุมาตราถึงแอฟริกา บริเวณน้ำตรงนี้ก็หยุด สายพานอันนี้จึงช้าลง

ที่เป็นเช่นนี้เพราะโลกร้อนและเราใช้น้ำ เรากักน้ำไว้ในเขื่อน ธรรมชาติของน้ำมันไหลวน จะหยุดกับที่ไม่ได้ แต่ตอนนี้ทุกประเทศกักน้ำ ทำให้การถ่ายเทของมวลน้ำ จากดินสู่ทะเล จากทะเลสู่มหาสมุทร หรือกระบวนน้ำอุ่นไปสู่น้ำเย็นกว่า การไหลเวียนตามปกติเสียหายไป ทำให้เกิดการหยุดอยู่กับที่ของมวลน้ำ เกิดการเปลี่ยนแปลงของมวลน้ำในมหาสมุทร เนื่องจากมหาสมุทรนี้ข้างล่างเป็นพื้นซึ่งประกอบด้วยแผ่นเปลือกโลก (plate) มาต่อๆ กัน น้ำหนักที่กดลงไป เพราะการที่น้ำหยุดเคลื่อนไหว หรือการเปลี่ยนของมวลน้ำไม่ว่าที่ไหน มันย่อมทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

อย่างไรก็ตาม น.พ.ประสาน ย้ำว่า นี่ไม่ใช่สาเหตุโดยตรงที่ทำให้เกิดภัยพิบัติในครั้งนี้ เป็นแต่เพียงปัจจัยหนึ่ง เพราะเรื่องของลมฟ้าอากาศมันเกี่ยวเนื่องถึงกันหมด

"อย่าลืมว่าเราอยู่บนเพลทบางๆ เหมือนฟองน้ำที่ลอยอยู่บนผืนของเหลว ใต้โลกเราเป็นของเหลว เหมือนแพลอยอยู่บนน้ำ แผ่นดินทั้งโลกตั้งอยู่บนของเหลว แผ่นดินหนาแค่ 40-60 กิโลเมตร บางแห่งหนาเพียง 20 กิโลเมตรก็มี ฟองน้ำทั้งโลกแทนที่จะมีแผ่นเดียว ก็มีเป็นสิบกว่าแผ่น อันใหญ่สิบกว่าแผ่น อันเล็กสิบกว่าแผ่น อันเล็กนี่สำคัญ การเคลื่อนย้ายของอันใหญ่ก็กระแทกอันเล็กที่มีสิ่งข้างใต้ดันอยู่ เพลทต่างๆ ไม่ได้ต่อกันสนิท เพียงแต่เคลื่อนไปเคลื่อนมาและเคลื่อนตลอดเวลา

"ว่าไปแล้วคราวนี้เป็นภัยธรรมชาติก็จริง แต่อีกส่วนหนึ่งเป็นภัยที่มนุษย์สร้างขึ้น เพราะเรากักน้ำทำให้อากาศข้างนอกร้อนๆ น้ำแข็งจากขั้วโลกเหนือไหลลงมาใต้ ซึ่งก่อนนี้กระแสน้ำร้อนดันไว้ แต่ตอนนี้ไม่มี เราจะสังเกตว่าอย่างที่ตะวันออกกลางมีหิมะได้ยังไง เซี่ยงไฮ้ก็ไม่เคยมี ทั้งหมดนี้เรามีส่วน จากวิถีชีวิตที่เราดำเนินอยู่ การที่สึนามิเกิดขึ้น แน่นอนว่าทุกคนเสียใจ ไม่อยากให้เกิด แต่ถ้าเราคิดแต่เพียงป้องกันไม่ให้เกิดอีก คงไม่พอ เพราะสิ่งต่างๆ เหล่านี้เรามีส่วนทำขึ้น ต้องสะท้อนกลับมาคิดว่าเราทำเกินไปไหม อะไรที่มากไป ถ้าเราคิดเช่นนั้น อาจจะคิดใหม่ สะท้อนไปว่าเราโยนทิ้งมากไปหรือเปล่า..."

กรณีที่มีผู้เสนอให้ตั้งศูนย์เตือนภัยนั้น น.พ.ประสาน มองว่า ได้ประโยชน์เพียงส่วนหนึ่ง แต่ถ้าจะให้ดีควรมองย้อนกลับไปข้างในมากกว่า และว่าจีนได้พัฒนาเครื่องป้องกันภัยจากแผ่นดินไหวมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ เป็นรูปปั้นกาน้ำที่มี 3 ขา และมีมังกรคอยพ่นน้ำออกมา

"ถ้าเราเพียงแต่คิดจะหาทางป้องกัน แต่ทำไมไม่ลองคิดว่าส่วนหนึ่งเป็นฝีมือของเรา ที่เราสนุก สะดวกสบาย สำราญบานใจทุกวันนี้ เรามีส่วนไหม คิดสิครับ เรามองจากตาของเราไปภายนอก เห็นคลื่นมาก็ป้องกัน แต่เราลองมองย้อนกลับไปข้างในดูว่า ตั้งแต่เกิดมาทำอะไรถูกบ้าง ทำไมประเทศนั้นกับประเทศนี้ต้องรบกัน เพราะอะไร เพราะประเทศนั้นรวยมาก และเหยียบย่ำเขามากไป...

"ความจริงผมมีคำตอบสำเร็จ แต่ไม่ใช่ตอบแล้วจะแก้ไขได้ทันทีทันใด แต่ถ้ารู้จักคิดซ้ำแล้วซ้ำอีก เราแก้ได้จริงๆ เราจะเห็นว่าเด็กมีการเติบโต เป็นหนุ่ม แก่ และตาย จิตก็เหมือนกัน ไม่ได้หยุดที่นานาจิตตัง จิตมีการพัฒนา เพียงแต่ใช้เวลาเป็นหลายๆ พันปี ซึ่งเราเร่งได้ เวลาคิดเรื่องอะไรต้องคิดสี่ด้านเสมอ ประกอบด้วย 1) ฉันที่มองเห็นไปข้างนอก 2) ฉันมองเข้าไปข้างใน พอฉันมาอยู่รวมกันก็เป็นสังคม พอเป็นสังคมก็มีสังคมภายนอก เป็นประเทศ ชุมชน จังหวัด ก็ว่าไป แต่ก็มีภายใน คือวัฒนธรรม สิ่งที่ทำให้คนอยู่ด้วยกันมีวิถีชีวิตอย่างสันติสุข เพราะวิถีชีวิตคือจิตวิญญาณของสังคม สิ่งต่างๆ มันมีทั้งสองด้านเสมอ... ธรรมชาติมันมีการเปลี่ยนแปลง แต่เราไปโถมให้มันเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้น พูดง่ายๆ คนควรจะตายที่อายุ 95 ปี เราไปเร่งให้เป็นมะเร็งตาย หรือเป็นเอดส์ตายตอนอายุ 20 ปี"

กรณีที่มีนักวิชาการหลายรายให้ความเห็นว่า หลายจังหวัดของประเทศไทยยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดแผ่นดินไหวนั้น น.พ.ประสานตอบว่า

"แผ่นดินไหวในไทยไม่มี เพราะเราไม่มีรอยแตกที่แท้จริง ทางด้านแปซิฟิกก็ไม่มี ถ้ามีก็บริเวณนี้ พม่าไล่จนถึงสุมาตรา เพราะบริเวณนี้คือรอยต่อของแผ่นอินเดียนเพลทกับยูโรเชียนเพลท ผ่านพม่าๆ มีตลอด แต่เป็นรอยแตกเล็กๆ จากพม่าไปถึงยูนนานและเสฉวน ของจีน

"เอาอย่างนี้แล้วกัน เรามีผลกระทบคือแนวของการเชื่อมต่อระหว่างเพลท ไม่ได้ผ่านประเทศไทยแม้แต่อันเดียว ไม่มีเลย...แต่เราได้รับผลกระทบ ถ้าขนาด 9 ริกเตอร์ ตึกในเชียงใหม่อาจพังได้ แต่มันไม่น่าเกิดหรอกครับ เพราะเพลทคราวนี้มันแยกจากกันรอยแตก 100 ไมล์ ซึ่งรุนแรงมาก ถ้าเป็น 20-30 ไมล์ บ้านเราไม่มีคำว่าแผ่นดินไหวโดยตรง มีแต่กระทบจากข้างนอก กระทบก็ไม่มีทางเกิน 5-6 ริกเตอร์ คราวนี้เราก็ได้รับไม่ถึง เพียงแต่แตกในน้ำ พอแตกในน้ำก็เป็นสึนามิ"

ส่วนที่ว่าปรากฏการณเช่นนี้ยังจะมีให้พบเห็นอีกหรือไม่นั้น คุณหมอบอกว่า

"ตอบแบบตายตัวไม่ได้ แต่ถ้าเราไม่เปลี่ยนวิถีการดำรงชีวิต ไม่แก้ไขอะไรเลย มันก็จะก้าวไปสู่ทิศทางนั้น"