: หนองปลาปาก : ตำบลกวนวัน : ตำบลในเมือง : ตำบลค่ายบกหวาน : ตำบลบ้านเดื่อ : ตำบลพระธาตุบังพวน : ตำบลปะโค : ตำบลโพนสว่าง : ตำบลโพธิ์ชัย : ตำบลเมืองหมี : ตำบลมีชัย : ตำบลเวียงคุก : ตำบลวัดธาตุ : ตำบลสีกาย : ตำบลหาดคำ : ตำบลหนองกอมเกาะ : ตำบลหินโงม : ตำบลกุดบง : ตำบลชุมช้าง : ตำบลจุมพล : ตำบลทุ่งหลวง : ตำบลเซิม : ตำบลนาหนัง : ตำบลบ้านโพธิ์ : ตำบลบ้านผือ : ตำบลวัดหลวง : ตำบลสร้างนางขาว : ตำบลเหล่าต่างคำ : ตำบลกองนาง : ตำบลท่าบ่อ : ตำบลโคกคอน : ตำบลน้ำโมง : ตำบลนาข่า : ตำบลบ้านเดื่อ : ตำบลบ้านถ่อน : ตำบลโพนสา : ตำบลบ้านว่าน : ตำบลหนองนาง : ตำบลนาดี : ตำบลเฝ้าไร่ : ตำบลหนองหลวง : ตำบลวังหลวง : ตำบลอุดมพร : ตำบลบ้านต้อน : ตำบลนาทับไฮ : ตำบลพระบาทนาสิงห์ : ตำบลโพนแพง : ตำบลบ้านหม้อ : ตำบลรัตนวาปี : ตำบลพระพุทธบาท : ตำบลพานพร้าว : ตำบลแก้งไก่ : ตำบลบ้านม่วง : ตำบลนางิ้ว : ตำบลผาตั้ง : ตำบลสังคม : ตำบลโพนทอง : ตำบลด่านศรีสุข : ตำบลโพธิ์ตาก : ตำบลสระใคร : ตำบลบ้านฝาง : ตำบลคอกช้าง

วันอังคารที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ธรรมกายออนไลน์ ข่ายใย 'DMC' งานของวัดพระธรรมกาย

รายงานพิเศษ/มนสิกุล โอวาทเภสัชช์ คัดลอกจาก นิตยสารเนชั่นสุดสัปดาห์
ธรรมกายออนไลน์ ข่ายใย 'DMC' งานของวัดพระธรรมกายปัจจุบัน ใครต้องการโด่งดัง และต้องการอาศัยภาพลักษณ์ในการขายสินค้า ก็มักจะพุ่งเป้ามาที่สื่อกระแสหลักโดยส่วนใหญ่ จนกลายเป็นการนำการตลาดมาเป็นทัพหน้า ส่วนเนื้อหานั้นไว้ทีหลัง หากแต่วัดพระธรรมกายนั้น กลับมองเห็นโทษของการอยู่บนสื่อกระแสหลัก เพราะนอกจากเป็นเป้าแล้ว ยังทำให้งานของวัดพระธรรมกาย หยุดชะงักด้วยแต่สำหรับสื่อทางเลือกนั้น วัดพระธรรมกายกลับอาศัยช่องทางสื่อทุกรูปแบบเพื่อเผยแผ่แนวทางคำสอนของพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย) อย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นทางอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง เคเบิลทีวีท้องถิ่น หรือวิทยุ
พระสนิทวงศ์ ฉายา วุฒิวังโส ฝ่ายประชาสัมพันธ์ วัดพระธรรมกาย อธิบายว่า ปัจจุบันใครอยากรับสัญญาณของวัดก็จูนได้
"อย่างเคเบิลทีวีของช่องยูบีซี ทดลองช่วงหนึ่ง ตอนนี้อยู่ในขั้นคุยกันว่าจะส่งเนื้อหากันอย่างไร เพราะว่าถ้าจะต้องให้คนที่วัดก๊อบปี้แล้วไปส่งทุกครั้ง ไม่สะดวก สำหรับทางอินเทอร์เน็ตก็สามารถเข้าเวบไซต์ ดูได้ ฟังได้ สื่อสารได้ เป็นอาสาสมัครของวัดทำเอง ถ้าทางบรอดแบนด์ ซึ่งเป็นข่ายใยของอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ก็คลิกเข้าไปที่ สามารถลิงค์กับ ได้เช่นเดียวกัน ตรงนี้ทางดีแทคเป็นผู้จัดทำ ส่วนโทรศัพท์ก็ฟังได้ กด *11072 แต่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ต้องติดต่อไปทางเครือข่ายของดีแทคเช่นเดียวกัน"
สำหรับเคเบิลทีวีนั้น เชื่อมโยงกับเป็นเคเบิลท้องถิ่น พระสนิทวงศ์ ชี้แจงว่า เราไม่คิดค่าใช้จ่าย ตอนนี้เคเบิลท้องถิ่นแต่ละที่เขามีกฎว่าต้องขอไลเซ่นมาทำ ซึ่งรายการเขาน้อยมาก เขาต้องหาว่ารายการอะไรที่ให้เขาออกได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ก็มีธรรมะนี่แหละ เขาก็มาขอเรา เพราะเราไม่คิดค่าใช้จ่าย เพียงแต่ทำหนังสือมาอย่างถูกกฎหมายเท่านั้นก็พอ"
0 0 0
สื่อเสรี ไม่ว่าจะเป็นทีวีชุมชน หรือวิทยุชุมชน ก็จะกลายเป็นช่องทางเผยแผ่ธรรมะของวัดพระธรรมกายได้อย่างกว้างขวางในที่สุด นอกจากดาวธรรมธรรมกาย ที่เคยถูกโจมตีมาระยะหนึ่ง ที่ต้องจ่ายสตางค์เพื่อติดดาวเทียม 5,000 บาท ปัจจุบันก็ไม่จำเป็นแล้ว ถ้าอยู่ต่างจังหวัด แล้วเคเบิลทีวี หรือวิทยุชุมชนนั้นๆ ศรัทธาในแนวทางของวัดพระธรรมกาย การเริ่มต้นจูนสัญญาณก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
เหตุที่สื่อทางเลือกกลับกลายเป็นสื่อกระแสหลักของการเผยแผ่ธรรมะจากวัดพระธรรมกายมากกว่าสายอื่นๆ นั้น เป็นเพราะความพร้อมของการทำงานเป็นทีมเวิร์คของอาสาสมัครที่มีเครือข่ายชมรมพุทธศาสตร์อยู่ในแทบทุกมหาวิทยาลัย อีกทั้งนักธุรกิจมากมายที่ได้รับผลจากการทำทานและดื่มด่ำในสมาธิ จนกลายเป็นพลังหลักที่ทำให้ข่ายใยของวัดไปไกลทั่วโลก
พระสนิทวงศ์ แสดงความคิดเห็นว่า เหตุที่ไปได้ไกลเพราะประเทศไทยมีช่องทางที่จะสื่อสารธรรมะมากมาย แต่เพราะขาดบุคลากรที่จะเผยแผ่ธรรมะ ภาษาเราก็ไม่ค่อยได้ แต่รายการของ DMC (Dhamma media channel) ที่อาสาสมัครของวัดทำอยู่นั้น สามารถเผยแผ่ไปยังอเมริกาและยุโรปได้แล้ว
"ญาติโยมเขาไปเช่าดาวเทียม Hotbird ถ้าอยู่ในอเมริกาสามารถจูนได้เลย โดยการรับสัญญาณอินเทอร์เน็ต ก็สามารถดูรายการ DMC ได้ ปัจจุบันเราได้รับข่าวสารจากคนไทยในต่างแดนที่ห่างไกลวัดและพระ พอเขาได้ประโยชน์จากธรรมะตรงนี้ เขาก็บอกมาทางวัด ทำให้เราเข้าใจว่านี่เป็นสิ่งที่เขาต้องการ ส่วนดาวธรรม ก็ใช้ดาวเทียมของไทยคม ซึ่งตอนนี้ไม่จำเป็นต้องติดตั้งก็สามารถดูได้จากอินเทอร์เน็ต
"จริงๆ แล้วสื่อธรรมะของที่นี่เริ่มต้นจากอินเทอร์เน็ต โดยเริ่มต้นส่งสัญญาณทุกอาทิตย์ต้นเดือน พอหลวงพ่อเทศน์เกือบทุกวัน โยมทั้งหลายก็รับสัญญาณจากโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ต แล้วมูลนิธิศึกษาธรรมฯ อยากรับบุญตรงนี้ ก็ไปติดต่อหาช่องทางสื่อสารทางดาวเทียมมา จนเดี๋ยวนี้ทางบรอดแบนด์ ซึ่งเป็นอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงก็เวิร์คมาก ต่อมาก็เป็นเคเบิลทีวี และล่าสุดก็วิทยุชุมชน"
ปัจจุบันวัดพระธรรมกายตอบรับผู้บริโภคได้ทุกช่องทางผ่านอายตนะทั้ง 6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ไม่ต้องไปถึงวัดที่ปทุมธานี ก็สามารถรับคลื่นเสียงและภาพกิจกรรมของวัดได้ทุกที่ทุกเวลา โดยอาศัยเทคโนโลยีเป็นสื่อทุกช่องทาง
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีผู้ชมทางสื่อมาก เป็นที่แน่นอนว่า เมื่อศรัทธาแล้ว ผู้คนจะต้องหลั่งไหลมาปฏิบัติธรรมพร้อมกันอย่างพร้อมเพรียง ทางวัดพระธรรมกายกำลังเร่งขยายพื้นที่ในการจัดกิจกรรมการปฏิบัติธรรมหมู่เพื่อรองรับพระและญาติโยมถึง 1,000,000 คน ในปี พ.ศ.2550
"เราเรียกว่า รัตนวิหารคต เป็นส่วนหนึ่งของมหาธรรมกายเจดีย์ ใช้เป็นที่ปฏิบัติธรรมด้วย เวลาทำบุญใหญ่ก็จะนิมนต์พระมาประชุมปฏิบัติธรรมที่นั่น ซึ่งจุได้ 300,000 รูป ส่วนฆราวาสพื้นที่นี้จุได้ประมาณ 700,000 คน รวมทั้งหมด 1,000,000 คน"
จุดประสงค์นั้น พระสนิทวงศ์ อธิบายว่า ธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าใครได้ปฏิบัติแล้วเข้าถึงธรรม ก็จะพบความสุขภายใน เมื่อเราพบแล้วก็อยากจะเผยแผ่ ที่ผ่านมาไม่ค่อยมีกิจกรรมเหล่านี้เกิดขึ้นเท่าไหร่ ที่วัดพระธรรมกายมีความคิดว่า ถ้ามีการนั่งสมาธิรวมกันเยอะๆ จะเป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน ในชีวิตประจำวันปกติของคนทั่วไป กำลังใจในการปฏิบัติธรรมไม่ค่อยมี เวลามานั่งรวมกันเป็นหมู่คณะจะปฏิบัติธรรมได้ดี และมีประสิทธิภาพมากขึ้น พอคนมานั่งรวมกันเยอะๆ ไม่ใช่คนไทยเท่านั้น ต่างประเทศมาเห็นว่ามีคนมาปฏิบัติธรรมเยอะๆ เขาต้องสงสัยว่าพุทธศาสนาต้องมีอะไรดีสักอย่าง จึงมีคนมานั่งสมาธิมาปฏิบัติธรรมกันมากมายขนาดนี้ เขาก็จะมาศึกษา"
อาจมีหลายคนสงสัยว่าการมารวมกันเป็นล้านคน มีจุดประสงค์อะไรมากกว่านั้น? จำเป็นหรือไม่ที่ต้องรวมพลขนาดนั้น และมีผลต่อการบริจาคเงินของญาติโยมหรือเปล่า พระสนิทวงศ์ชี้แจง...
"โดยปกติการปฏิบัติธรรมมีอยู่สองแบบ อย่างที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านสอน สอนเป็นรายบุคคลก็มี บางทีสอนเป็นหมู่คณะก็มี อย่างประชุมสงฆ์ บางทีประชุมเป็นแสนเป็นล้านก็มี สมัยหนึ่งพระสมณโคดมเสด็จโปรดพระเจ้าพิมพิสารที่สวนลัฏฐิวัน (สวนตาลหนุ่ม) พระพุทธเจ้าเทศน์ให้พระเจ้าพิมพิสารและพุทธบริษัทฟังจนบรรลุธรรม 12 นหุต (1 นหุต = 10,000 คน ทั้งหมด 12 นหุตก็ 120,000 คน)
"บางทีคนสมัยใหม่อาจไม่คุ้นกับการปฏิบัติธรรมเป็นหมู่คณะ อาจจะกลัวหรือเปล่า เลยรู้สึกสงสัย เราอยากให้มาปฏิบัติธรรมร่วมกัน ไม่จำเป็นต้องมาที่วัดพระธรรมกายอย่างเดียว แต่คุณอยู่ที่ไหน คุณก็ปฏิบัติได้ ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ที่ทำงาน หรือในทุกๆ ที่ ควรมีการส่งเสริมในวงกว้าง ตอนนี้กระแสการปฏิบัติธรรมก็ดีมาก ไม่เพียงเท่านี้ การจัดบวชพระภาคฤดูร้อน วัดพระธรรมกายก็เป็นกลุ่มแรกๆ ที่จัดการบวชภาคฤดูร้อนขึ้นมา เป็นการส่งเสริมศีลธรรม"
สำหรับสถานที่ ตัวอาคารนั้น พระสนิทวงศ์อธิบายว่า เป็นเพียงอุปกรณ์ในการทำกิจกรรมทางศาสนา โดยส่วนตัวพระก็มีอัฐบริขารเท่าที่จำเป็น จริงๆ คอนเซปต์การสร้างวัดที่นี่ เพื่อให้เกิดความสงบ แต่โดยกิจกรรม อยากให้มารวมตัวกันทุกวันอาทิตย์
"คือเคยเจอกับตัวเอง เวลาฝนตกก็ลำบาก เขาสร้างอาคารสถานที่เพื่อเอื้อให้ปฏิบัติธรรม คือคนโดยส่วนใหญ่ ทำอย่างไรให้ธรรมะอยู่ในใจเขา ถ้าเราเลือกป่า สถานที่ไกล ซึ่งคนไปไม่ได้เยอะ ถ้าเราเลือกไม่ได้ว่าจะต้องมีป่า เรามาปรับใจตัวเอง
"คอนเซปต์ของการปฏิบัติธรรมคือความสงบ สะอาด สว่างของใจ ถ้ามาดูการปฏิบัติธรรมที่วัดพระธรรมกาย ชุดก็สีขาว ดูแล้วสว่างใจ คนเป็นแสนก็นั่งสงบ แต่จริงๆ แล้ว ปฏิบัติธรรมที่ไหนก็แล้วแต่ ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ป่า ที่ทำงาน ต้องสงบ ถ้าเราทำงานแล้วใจไม่นิ่ง แว่บไปห้องประชุม 5 นาทีกลับมา ใจนิ่งทำงานต่อ
"ตอนนี้อาคารสถานที่ต้องขึ้นก่อน และกำลังเพิ่มสวนป่าเข้าไปเพื่อให้มีความร่มรื่น ตอนที่ตั้งวัดใหม่ๆ ดินแถวปทุมธานีเป็นดินเปรี้ยวมาก หลวงพ่อ เจ้าอาวาสและพระทุกรูป ช่วยกันปลูกต้นไม้ 1 ก้าวปลูก 1 ต้น ต้องการความรื่นรมย์มาก พอมาถึงพื้นที่ 2,000 ไร่ที่เราต้องการพื้นที่ในการเผยแผ่พุทธศาสนา ในช่วงแรกต้องยอมรับว่าสถานที่อาจจะไม่เอื้ออำนวย ต้องปรับที่ใจก่อน ซึ่งโยมที่เข้ามา เขาก็เข้าใจ ที่สำคัญคือ เขามาปฏิบัติธรรมแล้วได้ความสงบกลับไปก็จบ"
โดยกระบวนการ พระสนิทวงศ์ สรุปว่า การดึงคนให้สนใจมาปฏิบัติธรรมนั้น เหมือนคนว่ายน้ำ ช่วงแรกต้องมีชูชีพก่อน อย่างคนที่ติดอบายมุขมา ถ้าจะให้เขาเลิก มันเป็นแรงเหวี่ยงที่ว่า ทำอย่างไรต้องให้เขาติดในธรรมะก่อน
"ทาน ศีล และภาวนาจึงเป็นบาทฐานแรกของการสร้างบารมี ให้มีกำลังในการปฏิบัติ คือสิ่งที่เรากำลังทำอยู่"
*****************************
"ที่นี่สะดวกหนอ.. ที่นี่สบายหนอ"
นับเนื่องกว่า 20 ปีที่วัดพระธรรมกาย อาศัยยุทธวิธีที่คนขาดแคลนพระธรรม และการปฏิบัติสมาธิภาวนา โดยอาศัยการเข้าสู่กลุ่มเป้าหมายที่กำลังเป็นอนาคตของชาติในการดึงคนเข้าวัด ซึ่งได้ผล เพราะเริ่มต้นจากการให้ก่อน พระสนิทวงศ์ เล่าว่า...
หลวงพี่เองก็เคยเป็นเด็กชมรมพุทธศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เหมือนกัน รุ่น 2534 ตอนนั้นเรียนคณะศิลปศาสตร์ โดยพื้นฐานสนใจพุทธศาสนาอยู่แล้ว ตั้งแต่ตอนเล็กๆ วันอาทิตย์ โยมแม่จะฟังธรรมะของท่านพุทธทาส และหลวงพ่อปัญญา เป็นปกติ พอฟังก็สนใจศาสนาพุทธ พอเข้ามหาวิทยาลัย อยากบวชมาก แล้วที่วัดพระธรรมกายก็จัดบวชโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายอะไร สำหรับนักศึกษา อำนวยความสะดวกในการมาปฏิบัติธรรมหลายอย่าง หลวงพี่เคยไปปฏิบัติธรรมกับพี่ๆ ที่มหิดล ที่สวนโมกข์ 10 วัน ตอนนั้นท่านพุทธทาสยังอยู่เลย แล้วก็ไปกราบหลวงตามหาบัว
โดยภาระของนักศึกษา การเดินทางไปปฏิบัติธรรมในวัดป่าต่างๆ ไม่ค่อยสะดวกเรื่องค่าใช้จ่ายในการเดินทาง แต่วัดพระธรรมกายมีรถรับ-ส่งให้มานั่งสมาธิ นักศึกษาค่อนข้างสะดวก แล้วก็เจอคนรุ่นเดียวกัน ยิ่งได้อบรมธรรมทายาทที่นี่ตอนเป็นนักศึกษา 2 เดือนก็รู้สึกว่าสะดวกหลายอย่าง อยู่ในตัวเมืองก็ปฏิบัติธรรมได้ เลยคิดว่าเรียนจบทำงานแล้วจะกลับมาบวชใหม่...
พอเรียนจบก็ไปทำงานเป็นนักข่าวสายการเงิน ในเครือผู้จัดการอยู่ 3 ปี จากนั้นก็ออกบวชมาอบรมเรื่องพระวินัย แล้วก็มาช่วยกิจกรรมของทางวัดด้วย อยู่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ติดต่อกับนักข่าว ช่วงสายก็ศึกษาพระไตรปิฎก แล้วก็เขียนบทความ บางรูปก็ไปเรียนบาลี บางรูปก็ไปทำกิจกรรมสอนเด็กๆ
ตอนค่ำก็ฟังเทศน์จากพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยทุกวันจันทร์-เสาร์ ท่านลงเทศน์ทุกวัน 1 ทุ่มครึ่ง-สี่ทุ่ม ออกทาง DMC ซึ่งออกได้หลายทาง
ทุกวันนี้นั่งสมาธิทุกวัน ทำวัตรเช้าตอนตี 5 แล้วนั่งสมาธิต่อ เนื่องจากที่วัดไม่ได้บิณฑบาตกันทุกวัน เพราะพระเยอะ เป็นพันรูป จะแบ่งสายกันไปบิณฑบาต ขณะเดียวกัน คุณยายอาจารย์จันทร์ ขนนกยูง ท่านได้นำรูปแบบนี้มาจากหลวงปู่สด วัดปากน้ำ ตอนนั้นที่นั่นมีพระ 500 รูป ถ้าบิณฑบาตทุกรูปก็เป็นภาระแก่ชาวบ้านแถวนั้น ท่านก็ตั้งโรงทานขึ้นมา แล้วหาเจ้าภาพมาร่วมบุญทำภัตตาหาร
หลวงพ่อธัมมชโย ไม่เคยสอนให้ติดในตัวท่านหรือติดวัด ที่ให้มาเจอกันเพื่อให้มาเจอวงศ์บุญกัน แต่กลับไปต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง อยู่ได้ด้วยธรรมะ นั่นคือสิ่งที่ท่านสอนอยู่ทุกวัน