หมายเหตุการณ์ / ชลิดาภรณ์ ส่งสัมพันธ์ medusa_tu@hotmail.com
สิทธิที่จะอยู่ - สิทธิที่จะตาย
ดิฉันได้ 'หมายเหตุ' เกี่ยวกับประเด็นเรื่องการยุติการตั้งครรภ์หรือที่มักจะเรียกกันว่าการทำแท้ง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการปะทะระหว่างการให้ค่ากับสิทธิในการมีชีวิตอยู่และสิทธิในการควบคุมและจัดการกับเนื้อตัวร่างกายของผู้หญิง ในขณะที่มีประเด็นข่าวเกี่ยวกับการต่อสู้เพื่อการยุติชีวิตและการรักษาชีวิตของผู้หญิงที่อยู่ในสภาพสมองตายคนหนึ่งในสหรัฐอเมริกา ที่สะท้อนความซับซ้อนของการทำความเข้าใจเรื่องการอยู่รอดและการมีชีวิตอยู่ ที่ในที่สุดแล้วเจ้าตัวที่จะเป็นคนอยู่หรือตายอาจจะมีความสำคัญน้อยกว่าคนอื่นที่คิดแทนและเลือกแทน
สำหรับคนไทยหลายๆ คนประเด็นนี้อาจจะไกลตัวและเป็นเรื่องของฝรั่งต่างชาติ ที่สำคัญน้อยกว่าอีกหลายๆ ประเด็น แต่สำหรับดิฉันและคนไทยอีกหลายๆ คนเรื่องเช่นนี้ใกล้ 'ใจ' เป็นอย่างยิ่ง และน่าจะได้มีการคบคิดกันในเวลาที่วันครอบครัวใกล้จะมาถึงเช่นนี้
การโต้เถียงเรียกร้องของคนหลายกลุ่มและการต่อสู้ในทางกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมในกรณีนี้ ทำให้ได้เห็นความแตกต่างในความเชื่อเกี่ยวกับความหมายของชีวิต ความเป็นมนุษย์และการเลือกจะจบชีวิตของคนในสังคมอเมริกัน และยังนำเอาความหวาดหวั่นและเจ็บปวดเกี่ยวกับสภาวะไม่ตายแต่ก็เหมือนไม่อยู่แล้วของคนที่รักที่คนจำนวนมากต้องเผชิญ ดูเหมือนความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้เพิ่มทุกข์รูปแบบใหม่ๆ ให้คนในสังคม เพราะคนที่เจ็บป่วยถูกรักษาให้ดำรงอยู่ในสภาพที่เหมือนจะไม่ตายแต่ก็สูญเสียความเป็นตัวตนของเธอหรือเขาไป ในสภาวะ 'ผัก' หรือการเป็นเจ้าหญิง/เจ้าชายนิทรา
ที่น่าสนใจก็คือ การต่อสู้ในประเด็นนี้ได้มีกลุ่มที่ขับเคี่ยวกันมาในประเด็นเรื่องสิทธิในการเลือกยุติการตั้งครรภ์ได้มาปะทะกันในประเด็นนี้ด้วย และความที่รัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกาได้รับรองสิทธิในการมีชีวิตอยู่ของคน และการมองจากแง่มุมเชิงศีลธรรม ประกอบกับความหวาดหวั่นของคนหลายๆ คนว่าเรื่องทำนองนี้อาจจะเกิดขึ้นกับตน คือตัวเองหรือคนที่รักต้องตกอยู่ในสภาวะผักและเป็นทุกข์อย่างมหาศาล การต่อสู้ในประเด็นนี้จึงเต็มไปด้วยความเผ็ดร้อนและความเจ็บปวดทางอารมณ์จิตใจของคนจำนวนมาก
เทอรี่ ไชอาโว ผู้หญิงที่เป็นศูนย์กลางของเรื่องราวที่เป็นข่าวและการต่อสู้ที่เผ็ดร้อนนี้ อายุ 41 ปี และอยู่ในสภาวะ 'ผัก' มาตั้งแต่ปี ค.ศ.1990 หลังจากหมดสติและสมองขาดออกซิเจนไปชั่วเวลาหนึ่ง หมอของฝ่ายสามีอธิบายว่าสภาพที่เธอเป็นอยู่นั้นอาจไม่ใช่อาการของสมองตาย คือเธอทำกิจกรรมหลายประการที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรับรู้ได้ คือหายใจและกระพริบตาได้เองแต่ไม่สามารถพูด รู้สึกหรือตอบสนองต่อสิ่งต่างๆ ในสภาพแวดล้อมได้
การที่เธอสามารถจะทำบางอย่างได้เองเช่นนี้ ทำให้พ่อแม่พี่น้องของเธอยังมีความหวัง และหมอของฝ่ายพ่อแม่ก็บอกว่าอาการของเธอจะดีขึ้นได้ถ้าได้รับการดูแลบำบัด การแสดงออกที่หมอของฝ่ายสามีบอกว่าเป็นเพียงการสนองตอบทางกายที่ไม่มีความหมายเพราะเทอรีหมดความสามารถในการคิดแล้วอย่างสิ้นเชิง ถูกมองโดยพ่อแม่ว่าเป็นอาการที่บอกให้รู้ว่าลูกยังไม่ตายและมีโอกาสจะดีขึ้นได้ โดยเธอมีความสามารถทางจิตใจและปัญญาพอๆ กับเด็กอายุ 6 เดือน และอาจจะพัฒนาไปได้อีกถ้าได้รับการบำบัดอย่างเหมาะสม
การต่อสู้ระหว่างสามีของเทอรี่และพ่อแม่ของเธอที่นำไปสู่การโต้เถียงทางสังคมอย่างกว้างขวาง ดูเหมือนจะจบลงโดยที่ผู้พิพากษาอนุญาตให้ถอดท่ออาหารออกจากร่างกายของเทอรี่ ซึ่งจะทำให้เธอไม่สามารถจะอยู่รอดได้เนื่องจากขาดอาหารและน้ำ ฝ่ายสามีร้องต่อศาลเพื่อขออนุญาตเช่นนี้โดยอ้างว่าภรรยาไม่อยากจะอยู่ในสภาพเช่นนี้และไม่ต้องการให้มีการรักษาชีวิตของเธอโดยเครื่องมือทางการแพทย์ ในขณะที่ฝ่ายพ่อแม่ไม่ยอมรับเพราะไม่มีหลักฐานว่าลูกสาวได้แสดงความจำนงไว้เช่นนั้น
เราได้เห็นการร้องขอการยุติชีวิตโดยผู้ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแล/ผู้ตัดสินใจเลือกจะอยู่หรือจะตายแทนเจ้าตัวซึ่งหมดสภาพที่จะใช้สิทธินั้นเอง ซึ่งก็ทำให้เกิดการตั้งคำถามได้อีกว่าในที่สุดแล้วสามีหรือพ่อแม่จะเป็นผู้ปกป้องคุ้มครองสิทธิของเทอรี่ได้ดีกว่ากัน ฝ่ายพ่อแม่ได้พยายามฟ้องร้องเพื่อแย่งสิทธิในการเป็นผู้ดูแลมาจากฝ่ายสามี ซึ่งมีครอบครัวใหม่ไปแล้วจนมีลูกสองคนทำให้ตั้งคำถามได้ว่าเขาจะยังมีความเหมาะสมที่จะเป็นผู้ดูแลและเลือกแทนลูกสาวอยู่หรือไม่ เพราะฝ่ายสามีอาจจะอยากให้เทอรี่ตายไปเสียจะได้หมดภาระก็ได้ นอกจากนี้การฟ้องร้องเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลยังทำให้ทั้งตัวเขาและเทอรี่ได้เงินชดเชยจำนวนมาก เงินจำนวนนี้สามีเป็นผู้ดูแล ก็เลยทำให้สงสัยกันไปได้อีกว่าตัวคุณสามีอยู่ในสภาพที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งเชิงผลประโยชน์หรือไม่ การตัดสินใจให้เมียตายเสียอาจจะเป็นเพื่อความสะดวกและผลประโยชน์ของตนเองเสียมากกว่า
กรณีเช่นนี้น่าจะทำให้ได้คิดกันบ้างเกี่ยวกับประเด็นสิทธิในการมีชีวิตอยู่และสิทธิในการเลือกที่จะจบชีวิตที่หลายกลุ่มให้ความสำคัญ เพราะสิทธิทำนองนี้ดูจะเป็นเรื่องของการคิดพิจารณาและการเลือกที่คนอื่นเป็นผู้กระทำแทนเจ้าตัวที่จะเป็นคนอยู่หรือตาย อย่างเช่นตัวอ่อนในท้องแม่หรือคนที่อยู่ในสภาวะ 'ผัก'/เจ้าชาย-เจ้าหญิงนิทราทั้งหลาย ที่มีคนอื่นๆ ทั้งที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องกับเธอหรือเขาโดยตรง เป็นผู้คิดและวิตกกังวลในความอยากอยู่-อยากตาย และความสมควร-ไม่สมควรของการอยู่และตายของพวกเธอและเขา
คนที่สนใจในเรื่องราวของเทอรี่หลายคนอยากให้เธอมีชีวิตอยู่ เพราะเป็นสิทธิของเธอ หรือเพราะเห็นว่าอำนาจในการจบชีวิตไม่ควรจะเป็นของมนุษย์แต่เป็นของพระเจ้าหรือกฎแห่งกรรม พ่อแม่พี่น้องของเธอที่รักเธอต่างก็ไม่อยากสูญเสียเธอไป ในขณะที่หลายๆ คนมองว่าชีวิตไม่ได้มีองค์ประกอบแต่เพียงปัจจัยทางกาย แต่เป็นเรื่องของการคิด ความรู้สึก และความสามารถที่จะเป็นตัวของเธอหรือเขาเอง สภาวะ 'ผัก' ทำให้เทอรี่หมดความเป็นเทอรี่ไปนานแล้ว เหลือแต่กายสังขารที่ไร้วิญญาณและความเป็นตัวเธออย่างแท้จริง ในสภาพเช่นนี้การจบชีวิตน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
คนอื่นต่างพากันคิดแทนเทอรี่อย่างจริงจังและตัดสินตามความเชื่อของตนว่าอะไรจะดีที่สุดสำหรับเธอ การอยู่หรือไม่อยู่ของเทอรี่จึงดูจะมีความหมายน้อยสำหรับตัวเธอเองมากกว่าผลกระทบต่อความรู้สึกของคนอื่นรอบข้าง
สิทธิในการอยู่-การตายของคนในสังคม จึงกลายเป็นเรื่องของความอยากหรือไม่อยากให้คนที่รักจากไปของคนที่เกี่ยวข้องใกล้ชิด และในบางกรณีเป็นการตัดสินตามความเชื่อและมาตรฐานความถูกต้องของคนอื่นเสียมากกว่า
ดูเหมือนเราแต่ละคนอยู่เพื่อคนอื่น และการตายและอยู่ของเราหลายๆ คนมีความหมายกับคนอื่นมากกว่าต่อตัวเราแต่ละคนเสียอีก บางคนเลยไม่ค่อยแน่ใจว่าสิทธิในการเลือกอยู่-เลือกตายในหลายสถานการณ์นั้น แท้ที่จริงแล้วเป็นของใครกันแน่
: หนองปลาปาก : ตำบลกวนวัน : ตำบลในเมือง : ตำบลค่ายบกหวาน : ตำบลบ้านเดื่อ : ตำบลพระธาตุบังพวน : ตำบลปะโค : ตำบลโพนสว่าง : ตำบลโพธิ์ชัย : ตำบลเมืองหมี : ตำบลมีชัย : ตำบลเวียงคุก : ตำบลวัดธาตุ : ตำบลสีกาย : ตำบลหาดคำ : ตำบลหนองกอมเกาะ : ตำบลหินโงม : ตำบลกุดบง : ตำบลชุมช้าง : ตำบลจุมพล : ตำบลทุ่งหลวง : ตำบลเซิม : ตำบลนาหนัง : ตำบลบ้านโพธิ์ : ตำบลบ้านผือ : ตำบลวัดหลวง : ตำบลสร้างนางขาว : ตำบลเหล่าต่างคำ : ตำบลกองนาง : ตำบลท่าบ่อ : ตำบลโคกคอน : ตำบลน้ำโมง : ตำบลนาข่า : ตำบลบ้านเดื่อ : ตำบลบ้านถ่อน : ตำบลโพนสา : ตำบลบ้านว่าน : ตำบลหนองนาง : ตำบลนาดี : ตำบลเฝ้าไร่ : ตำบลหนองหลวง : ตำบลวังหลวง : ตำบลอุดมพร : ตำบลบ้านต้อน : ตำบลนาทับไฮ : ตำบลพระบาทนาสิงห์ : ตำบลโพนแพง : ตำบลบ้านหม้อ : ตำบลรัตนวาปี : ตำบลพระพุทธบาท : ตำบลพานพร้าว : ตำบลแก้งไก่ : ตำบลบ้านม่วง : ตำบลนางิ้ว : ตำบลผาตั้ง : ตำบลสังคม : ตำบลโพนทอง : ตำบลด่านศรีสุข : ตำบลโพธิ์ตาก : ตำบลสระใคร : ตำบลบ้านฝาง : ตำบลคอกช้าง
วันอังคารที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2553
สิทธิที่จะอยู่ - สิทธิที่จะตาย
เขียนโดย
Thai Writer
ที่
06:04

ส่งอีเมลข้อมูลนี้BlogThis!แชร์ไปยัง Xแชร์ไปที่ Facebookแชร์ใน Pinterest