: หนองปลาปาก : ตำบลกวนวัน : ตำบลในเมือง : ตำบลค่ายบกหวาน : ตำบลบ้านเดื่อ : ตำบลพระธาตุบังพวน : ตำบลปะโค : ตำบลโพนสว่าง : ตำบลโพธิ์ชัย : ตำบลเมืองหมี : ตำบลมีชัย : ตำบลเวียงคุก : ตำบลวัดธาตุ : ตำบลสีกาย : ตำบลหาดคำ : ตำบลหนองกอมเกาะ : ตำบลหินโงม : ตำบลกุดบง : ตำบลชุมช้าง : ตำบลจุมพล : ตำบลทุ่งหลวง : ตำบลเซิม : ตำบลนาหนัง : ตำบลบ้านโพธิ์ : ตำบลบ้านผือ : ตำบลวัดหลวง : ตำบลสร้างนางขาว : ตำบลเหล่าต่างคำ : ตำบลกองนาง : ตำบลท่าบ่อ : ตำบลโคกคอน : ตำบลน้ำโมง : ตำบลนาข่า : ตำบลบ้านเดื่อ : ตำบลบ้านถ่อน : ตำบลโพนสา : ตำบลบ้านว่าน : ตำบลหนองนาง : ตำบลนาดี : ตำบลเฝ้าไร่ : ตำบลหนองหลวง : ตำบลวังหลวง : ตำบลอุดมพร : ตำบลบ้านต้อน : ตำบลนาทับไฮ : ตำบลพระบาทนาสิงห์ : ตำบลโพนแพง : ตำบลบ้านหม้อ : ตำบลรัตนวาปี : ตำบลพระพุทธบาท : ตำบลพานพร้าว : ตำบลแก้งไก่ : ตำบลบ้านม่วง : ตำบลนางิ้ว : ตำบลผาตั้ง : ตำบลสังคม : ตำบลโพนทอง : ตำบลด่านศรีสุข : ตำบลโพธิ์ตาก : ตำบลสระใคร : ตำบลบ้านฝาง : ตำบลคอกช้าง

วันอังคารที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2553

'ตัน ภาสกรนที' ขายหุ้นทิ้ง ป้องภัยธนกิจการเมือง

จากนิตยสารเนชั่นสุดสัปดาห์

'ตัน ภาสกรนที' ขายหุ้นทิ้ง ป้องภัยธนกิจการเมือง
หากชีวิต คือ 'การเดินทางไกล' ชีวิตของ ตัน ภาสกรนที คงหมายถึงก้าวย่างของธุรกิจที่เขาสร้างขึ้นมากับมือ ซึ่งวันนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงบังเกิดขึ้นอีกครั้ง ในกลางเดือนที่ผ่านมา
เมื่อเสี่ยตัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ OISHI ตัดสินใจขายหุ้นให้กลุ่ม ‘พันธมิตร’ ใหม่ ในสัดส่วนถึง 55 เปอร์เซ็นต์ โดยรวบรวมหุ้นจากกลุ่มผู้ถือหุ้นที่เป็นพนักงาน กลุ่มคนในตระกูล และกลุ่มพันธมิตร ซึ่งกำหนดราคาซื้อขายเบื้องต้นที่หุ้นละ 32.50 บาท

คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 3,351 ล้านบาท!

และกลุ่มพันธมิตรใหม่ที่มาซื้อหุ้นครั้งนี้ เป็นทั้งนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศที่เรียกว่ากลุ่ม Finacial Invester ที่ลงทุนในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม แถบเอเชียแปซิฟิก

ภายใต้เงื่อนไขว่า ตัน ภาสกรนที ยังคงเป็นผู้บริหารของ โออิชิ กรุ๊ป ต่อไปจนกว่าจะเกษียณอายุ

ว่ากันที่เส้นทางของเสี่ยตัน และแบรนด์โออิชิ จะพบว่า มีทั้งวันฟ้าใส และวันฟ้าหม่น ไปพร้อมๆ กัน

เพราะหลังจากทำธุรกิจมากมายในชีวิต และประสบกับเหตุการณ์ที่เรียกว่า 'ล้มกันทั้งประเทศ' อย่างวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 จนแบกหนี้สินติดตัวกว่า 100 ล้านบาท เขาก็ยังไม่หยุดเดิน

นับแต่ปี 2543 เสี่ยตันฤกษ์ดีแจ้งเกิด บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กับเงินทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 10 ล้านบาท ที่สุดก็แตกไลน์ธุรกิจอาหารมากมายตั้งแต่ปี 2544 -2547 เรียกว่าปีละแห่งกันเลยทีเดียว

ไฮไลท์สำคัญในการเดินทางของเสี่ยตันก็เริ่มต้นในปี 2546 เมื่อเขาผลิตชาเขียว ชื่อ 'โออิชิ กรีนที' ขึ้นมา เพื่อสนับสนุนการขายภายในร้านค้าของบริษัท

ที่สุดก็กลายเป็นสินค้าที่ไม่เพียงให้ดื่มฟรีในร้านบุฟเฟต์ แต่ยังผลิตออกวางขายทั่วไปจนกลายเป็นอีกหนึ่งธุรกิจหลัก ทำรายได้ในปี 2547 สูงถึง 1,963 ล้านบาท เป็น 'ลูกรัก' เพราะทำยอดขายถล่มร้านอาหารทุกสาขารวมกัน ส่งผลให้ โออิชิ กรุ๊ป แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน เข้าไปผงาดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อกลางปี 2547

ทำให้ 'นายตัน ภาสกรนที' กลายเป็น 'เสี่ยตันพันล้าน' ไปเรียบร้อย

อย่างไรก็ดี วันฟ้าหม่นก็ยังคงมีมาท้าทายกันอยู่เรื่อยๆ ทั้งบนดินใต้ดินและเหนืออากาศ

แบบบนดินที่เรียกว่า เผชิญกันซึ่งๆ หน้า ก็ได้ปรากฏคู่แข่งมากมายในตลาดชาเขียว นับรวมแล้วร่วม 40 เจ้า ที่แม้บางรายไม่ปรากฏหน้าตาทางสื่อโฆษณา แต่บรรดาแบรนด์เหล่านี้ก็ทำให้รู้ว่า โออิชิ ไม่ได้วิ่งอยู่บนลู่ของเครื่องดื่มชาเขียวแต่เพียงผู้เดียว

เพราะนอกจากจะต้องแข่งขันกันอย่างดุเดือดทั้งเรื่องรสชาติและการทำโฆษณาแล้ว ยังต้องต่อสู่กับคำถามที่ว่า ฤๅ ชาเขียวจะเป็นเพียงกระแสเห่อเรื่องรักสุขภาพ และวันหนึ่งจะวูบไป ทำให้เสี่ยตันผู้นี้ไม่ละทิ้งความพยายาม จนทำให้ชาเขียวติดตลาด ติดมือคนไทยเช่นเดียวกับเครื่องดื่มทั่วไป

กระนั้นก็ดี โออิชิ มีอันต้องเป๋ ด้วยยุทธการใต้ดินเมื่อปรากฏข่าวครึกโครมพบผู้บาดเจ็บจากกรด หลังดื่มโออิชิ ทำเอายอดขายโออิชิตกฮวบ แถมไม่ทันไร ยังโดนกระแสข่าวชาเขียวเป็นเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกาเฟอีน จนเกิดข้อกังขาว่าเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพหรือกาเฟอีนซ่อนรูป

เมื่อเสี่ยตันพลิกสถานการณ์ด้วยแคมเปญ 'เปิดฝาลุ้นล้าน' ส่งผลให้ยอดขายสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ก็ต้องเผชิญหน้ากับคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ออกโรงชี้ว่า โออิชิ ทำผิดกฎหมาย ยื่นขออนุญาตโฆษณา 'รวยฟ้าผ่า พลิกฝา' ที่ปทุมธานีเพียงแห่งเดียว แต่กลับทำโปรโมชั่นทั่วประเทศ

นั่นเป็นจุดเปลี่ยนทางธุรกิจ เมื่อเสี่ยตันเจอ 'ตอ' ซึ่งเป็นตอการเมืองเสียด้วย

เนื่องจากสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคเวลานั้นอยู่ภายใต้การกำกับของ พินิจ จารุสมบัติ รองนายกรัฐมนตรี สายวังพญานาค!

หลังจากมีการปรับ ครม. ปัญหาชิงโชคเถื่อนก็เงียบหายไป เสี่ยตันนึกว่าฟ้าจะใส แต่กลับต้องเจอ ปรีชา เลาหพงศ์ชนะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ สั่งการให้กรมการค้าภายใน ศึกษาข้อมูลชาเขียวพร้อมดื่ม ดูต้นทุนที่แท้จริงย้อนหลัง 2-3 ปี ว่าเหมาะสมกับราคาที่ขายหรือไม่

'ปรีชา' ก็ไม่ใช่ใครอื่น เขาเป็นตัวแทนกลุ่มทุนมุ้งวังพญานาค ที่ผนึกแน่นกับเสี่ยพินิจ..เสี่ยตันเจอ 'ตอ' อีกแล้ว?

ทว่า คนชื่อ 'ตัน ภาสกรนที' ไม่ยอมตัน หลังยอดขายโออิชิกรีนที วูบลงอีกเกือบครึ่ง บนความคลางแคลงใจว่าผู้บริโภคโดนเอาเปรียบ แท้จริงแล้วต้นทุนเพียงขวดละ 3-4 บาท ขณะที่ราคาขายสูงถึง 20 บาท จึงถูกเสนอให้มีการพิจารณาปรับลดราคาลง

เสี่ยโออิชิออกโรงต่อสู้ด้วยการหอบข้อมูลเข้าชี้แจงกระทรวงพาณิชย์ เพื่อยืนยันว่าไม่สามารถลดราคาลงได้ เนื่องจากต้นทุนต่อขวดอยู่ที่ 10-12 บาท หักค่าใช้จ่ายต่างๆ กำไรสุทธิ 2 บาท หากปรับลดราคาจะขาดทุนทันที

พร้อมเดินหน้าเร่งการผลิต ทั้งการขยายโรงงานแห่งที่ 2 ในปีหน้า และตั้งเป้าว่าจะมีแห่งที่ 3 ในปีต่อๆ ไป และออกสินค้าแบรนด์ใหม่ๆ มาแชร์ตลาดเครื่องดื่มน้ำผลไม้ อย่าง อะมิโน โอเค เพื่อเป็นการประกาศว่า คนอย่างนายตันไม่มีทางตัน

กระทั่งเมื่อกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ยุติปัญหาการตรวจสอบต้นทุนของโออิชิ เพราะไม่ต้องการให้ผู้ประกอบการได้รับความเดือดร้อน

เสี่ยตันจึงได้จังหวะหายใจหายคอ และเดินเครื่องเต็มลูกสูบ ทำการขายหุ้นเพิ่มทุนตามที่กล่าวมา

จริงอยู่ที่เวลานี้ ดูเหมือนจะเป็นวันของ ตัน ภาสกรนที ที่นอกจากคงความเป็นเบอร์หนึ่งมาตลอด แถมภาครัฐยังหลีกทางให้ชั่วคราวต่อการปรับลดราคา

กระนั้นก็ดี ก็ยังมีกระแสข่าวออกมาว่า มีการใช้นอมีนี่ในการเข้ามาซื้อหุ้นของกลุ่ม Finacial Invester ซึ่งอาจหมายถึง เจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าของธุรกิจเครือไทยเบฟเวอเรจส์ ผู้ผลิตเบียร์ช้าง ที่มีชื่ออยู่ในกลุ่มทุนดังกล่าว และนั่นจึงทำให้วิเคราะห์ไปได้ว่า เป็นการทำแบ็คดอร์ลิสติ้ง เพื่อนำธุรกิจเครื่องดื่มเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หลังจากติดปัญหาโดนประท้วงมานาน

งานนี้ เสี่ยตันออกมาปฏิเสธถึงการตั้งข้อสังเกตดังกล่าว พร้อมประกาศว่าไม่มีอะไรในกอไผ่ จะยังคงบริหารงานต่อไป

"ผมทำงานมา 25-30 ปี ผมไม่ได้เป็นคนเข้าออกแล้วหายไป ยืนยันที่จะอยู่กับโออิชิต่อไป ความเป็นเจ้าของหมดไปตั้งแต่วันแรกที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น ซึ่งการขายหุ้นครั้งนี้ไม่ได้ถูกกดดันจากทางการเมือง เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างบริษัทกับกระทรวงพาณิชย์ ได้จบลงแล้ว"

ก็คงต้องดูกันต่อไป เพราะเมื่อโออิชิ ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมต่อตลาดหลักทรัพย์ เพื่อความชัดเจน ว่ากลุ่มผู้จะซื้อหุ้นมีชื่อเสียงเรียงนามเช่นไรกันบ้าง

จะเป็นดั่งบทวิเคราะห์ของเซียนหุ้นที่ประเมินว่า เสี่ยตันดึงทุนใหญ่มาเป็น 'เกราะ' ครั้งนี้ ก็เพื่อป้องกันภัยคุกคามจากนักเลือกตั้ง! จริงหรือไม่... อีกไม่นานก็รู้กันทั่วบ้านทั่วเมือง