จากนิตยสารเนชั่นสุดสัปดาห์
จาก 'เณรแอ' ถึง 'หลวงพี่แม้ว'
เนื้อในของหนังเรื่อง 'หลวงพี่เท่ง' ที่โกยเงินไปร้อยกว่าล้าน คงไม่ใช่หนังตลกธรรมดาๆ เรื่องหนึ่ง หากพิจารณาถึงแก่นบางๆ ของเรื่องที่ฉายภาพการต่อสู้กันระหว่าง 'พระ' กับ 'ผี' ด้วยสงคราม 'ความเชื่อ' แบบหนังไทย ก็ทำให้นึกถึงข่าวสารทางหน้าหนังสือพิมพ์ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา
นายกฯ ทักษิณ ค่อนข้างหงุดหงิดกับการนำเสนอข่าวของสื่อหนังสือพิมพ์ ด้วยความรู้สึกที่สื่อ 'ปรุงแต่งข่าว' จนส่งผลให้ประชาชน 'ขาดความเชื่อมั่น' ต่อนโยบายการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล รวมไปถึงคะแนน 'ศรัทธา' ของประชาชน ที่มีต่อตัวนายกฯ ทักษิณ ซึ่งลดถอยลงจากเดิม
อย่างกรณีเอแบคโพลล์ ในหัวข้อความนิยมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ลดลง เมื่อเปรียบเทียบกับการสำรวจครั้งที่ผ่านมา จากร้อยละ 77.5 เหลือร้อยละ 45.9 และเป็นความนิยมที่น้อยกว่าทุกครั้งที่ทำการสำรวจวิจัยมาในรอบ 3 ปี
หรือการสอบถามความเห็นของผู้ชมทีวีของ 'รายการข่าว' 2 รายการในช่วงดึกคืนวันหนึ่ง โดยช่องแรก ตั้งคำถามว่า ท่านเชื่อในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลจะประกาศในวันพรุ่งนี้หรือไม่? และอีกช่องหนึ่ง เล่นประเด็นคำถาม ท่านคิดว่าผู้หญิงที่ถูกล่อลวงทำเสน่ห์นั้น เป็นความผิดของใคร ระหว่าง 'สามีเจ้าชู้' กับ 'หมอเสน่ห์'
ช่องแรกนั้นให้ความสำคัญกับปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในยุคน้ำมันแพง ก็ได้คำตอบออกมาว่า มีผู้ชม 'ไม่เชื่อ' ในมาตรการของรัฐบาลมากกว่า 'เชื่อ'!
ขณะที่อีกช่องหนึ่งให้ความสนใจข่าว 'เณรแอ' หรือ หาญ รักษาจิตร์ จอมขมังเวท ผู้ถูกภรรยาเก่าแจ้งจับในข้อหาหลอกลวงและฉ้อโกงประชาชน จึงตั้งคำถามดังกล่าว ซึ่งผลการโหวตทาง SMS ปรากฏว่า เป็นความผิดของสามีเจ้าชู้มากกว่าหมอเสน่ห์
ยกตัวอย่างมาแบบนี้ ใช่ต้องการสรุปว่า ผู้คนยังเชื่อถือ 'เณรแอ' มากกว่า 'ผู้นำรัฐบาล' แต่ประเด็นความเชื่อ-ความศรัทธา ก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย!
ดังเช่น 'สวนดุสิตโพล' สำรวจความคิดเห็นของประชาชน ที่มีต่อการปราศรัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ถึงมาตรการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจระยะสั้นหรือเร่งด่วน และประหยัดพลังงาน ผ่านสถานีโทรทัศน์เมื่อคืนวันก่อน
เมื่อถามว่าให้คะแนนการปราศรัยครั้งนี้เท่าไหร่ จากคะแนนเต็ม 10 ปรากฏว่า นายกรัฐมนตรีได้คะแนนเฉลี่ยที่ 7.05 คะแนน!
จากผลการสำรวจดังกล่าว คงตอบคำถามได้ในระดับหนึ่งว่า หากนายกฯทักษิณ ใช้ความสุขุมลุ่มลึก ไม่หุนหันพลันแล่น ตั้งใจอธิบายหรือสื่อสารกับประชาชนโดยตรง ก็สามารถปลุกปลอบขวัญผู้คน และเรียกความเชื่อมั่นของอาณาประชาราษฎร์ต่อแนวนโยบายของภาครัฐกลับคืนมาได้
ฉะนั้น คะแนนนิยมต่อผู้นำรัฐบาล 'ขึ้น' หรือ 'ลง' ย่อมเกี่ยวพันถึงบุคลิกภาพของผู้นำด้วย
โคทม อารียา เขียนบทความเรื่อง 'อยู่กับทักษิณในภาวะการเมืองใหม่ ประชาสังคมจะอยู่อย่างไร' โดยตอนหนึ่งได้วิเคราะห์ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าเป็นบุคคลผู้มีบุคลิกภาพที่ซับซ้อน ซึ่งมนุษย์เราแต่ละคนย่อมมีหลายบุคลิกภาพย่อย โดยยกตัวอย่างนิยายเรื่อง Dr.Jekyll and Mr.Hyde
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายแนวฆาตกรรม สยองขวัญ อันโด่งดังของ Robert Louis Stevenson ชื่อ The Strange Case of Dr.Jekyll and Mr.Hyde ว่าด้วยทฤษฎีทางจิตวิทยาเกี่ยวกับ 'บุคลิกภาพเชิงซ้อนของมนุษย์' (Narcissistic Personality Disorder)
โดยเนื้อเรื่องนำเสนอผ่านเรื่องราวของนายแพทย์ผู้หนึ่ง ชื่อ Dr.Jekyll ซึ่งกลางวันเป็นหมอรักษาผู้ป่วย ใช้ชีวิตอย่างคนปกติทั่วไป ขณะที่ตกกลางคืนบุคลิกของเขาจะเป็นไปในทางตรงกันข้าม กล่าวคือ เขาจะกลายเป็นฆาตกรเลือดเย็นที่สังหารคนไม่เลือกหน้า และเรียกตัวเองว่าเป็นผู้ช่วยของ Dr.Jekyll ในนามของ Mr.Hyde
นิยายเรื่องนี้เคยมีผู้นำไปสร้างเป็นภาพยนตร์เมื่อปี ค.ศ.1996 ในชื่อว่า Mary Reilly เป็นเรื่องราวของสาวใช้ที่บังเอิญไปรู้เห็นพฤติกรรมของนายจ้างที่กลางคืนกลายเป็นฆาตกร ขณะที่กลางวันเป็นนายแพทย์ แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ประสบความสำเร็จด้านรายได้นัก ด้วยเนื้อหาที่ตึงเครียดและสลับซับซ้อนเช่นเดียวกับบุคลิกของตัวละครเอก
เมื่อกล่าวถึงนิยายสยองขวัญเรื่องนี้ ทำให้นึกถึง ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ที่ได้ไปกล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง 'ครึ่งศตวรรษ : คนและองค์การ' โอกาสครบรอบ 50 ปี คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)
โดยมีใจความตอนหนึ่งที่พูดถึง 'คน' ในพุทธศาสนาว่า
"..คือ คนที่มาสว่างแล้วไปสว่าง และบุคคลที่มามืดแล้วไปสว่าง แต่ไม่ยกย่องบุคคลที่มาสว่างแล้วไปมืด กับบุคคลที่มามืดแล้วไปมืด ยิ่งอายุมากยิ่งต้องระวัง เพราะชีวิตไม่เหมือนกับวิดีโอ มันรีไวร์กลับไม่ได้
"สังคมนี้ ประเทศนี้กำลังต้องการแบบอย่างที่มีตัวตน ไม่ใช่พูดอย่างทำอย่าง ไม่ใช่แบบ Dr.Jekyll ที่กลางวันก็เป็นหมอแสนดี กลางคืนก็เป็นฆาตกรฆ่าต่อเนื่อง คนเหล่านี้จะมีความขัดแย้งในตัวเองมาก ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการเป็นคนประเภทนั้น"
ที่สำคัญ ทั้ง 'โคทม' และ 'ปุระชัย' มิได้สรุปว่า 'นายกฯ ทักษิณ' มีบุคลิกแบบ Dr.Jekyll!
เพียงแต่ต้องการให้ทุกคนทำความเข้าใจเรื่อง 'คน' โดยอดีต กกต. สรุปไว้สั้นๆ ว่า "การมองว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีบุคลิกภาพที่ซับซ้อนเป็นเพียงวิธีการหนึ่งของการพยายามทำความเข้าใจเท่านั้น"
ทำนองเดียวกัน 'เณรแอ' ก็มีบุคลิกภาพที่ซับซ้อน ซึ่งผู้เสพข่าวพฤติกรรมฉาวของเขา ก็ยังเข้าไม่ถึงตัวตนที่แท้จริง นอกเสียจากความต้องการที่อยากได้ใคร่รู้ว่าใครเป็น 'เหยื่อ' บ้าง? หรือใคร่อยากดูภาพวิดีโอที่แอบถ่ายไว้ในห้องพิธีกรรมมากกว่า?
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ของประเทศนี้ ยังต้องการ 'คนที่มาสว่างแล้วไปสว่าง และบุคคลที่มามืดแล้วไปสว่าง' ไม่ว่าคนคนนั้น จะเป็น 'นักการเมือง' หรือสามัญชนคนเดินดิน
: หนองปลาปาก : ตำบลกวนวัน : ตำบลในเมือง : ตำบลค่ายบกหวาน : ตำบลบ้านเดื่อ : ตำบลพระธาตุบังพวน : ตำบลปะโค : ตำบลโพนสว่าง : ตำบลโพธิ์ชัย : ตำบลเมืองหมี : ตำบลมีชัย : ตำบลเวียงคุก : ตำบลวัดธาตุ : ตำบลสีกาย : ตำบลหาดคำ : ตำบลหนองกอมเกาะ : ตำบลหินโงม : ตำบลกุดบง : ตำบลชุมช้าง : ตำบลจุมพล : ตำบลทุ่งหลวง : ตำบลเซิม : ตำบลนาหนัง : ตำบลบ้านโพธิ์ : ตำบลบ้านผือ : ตำบลวัดหลวง : ตำบลสร้างนางขาว : ตำบลเหล่าต่างคำ : ตำบลกองนาง : ตำบลท่าบ่อ : ตำบลโคกคอน : ตำบลน้ำโมง : ตำบลนาข่า : ตำบลบ้านเดื่อ : ตำบลบ้านถ่อน : ตำบลโพนสา : ตำบลบ้านว่าน : ตำบลหนองนาง : ตำบลนาดี : ตำบลเฝ้าไร่ : ตำบลหนองหลวง : ตำบลวังหลวง : ตำบลอุดมพร : ตำบลบ้านต้อน : ตำบลนาทับไฮ : ตำบลพระบาทนาสิงห์ : ตำบลโพนแพง : ตำบลบ้านหม้อ : ตำบลรัตนวาปี : ตำบลพระพุทธบาท : ตำบลพานพร้าว : ตำบลแก้งไก่ : ตำบลบ้านม่วง : ตำบลนางิ้ว : ตำบลผาตั้ง : ตำบลสังคม : ตำบลโพนทอง : ตำบลด่านศรีสุข : ตำบลโพธิ์ตาก : ตำบลสระใคร : ตำบลบ้านฝาง : ตำบลคอกช้าง
วันอังคารที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2553
จาก 'เณรแอ' ถึง 'หลวงพี่แม้ว'
เขียนโดย
Thai Writer
ที่
05:02

ส่งอีเมลข้อมูลนี้BlogThis!แชร์ไปยัง Xแชร์ไปที่ Facebookแชร์ใน Pinterest
เรื่องน่าสนใจเกี่ยวเนื่องกัน:
ป้ายกำกับ:
บทความพิเศษ