ลูบเหลี่ยม เฉือนคม

บทความโดย โสภณ องค์การณ์

ลูบเหลี่ยม เฉือนคม
การเมืองหลังเลือกตั้งช่วงนี้ แม้จะมีเสียงเจี๊ยวจ๊าวเรื่องใบเหลือง ใบแดง ใบเขียวให้หวาดเสียวสำหรับพวกมีชนักติดหลัง แผลสด แผลเปื่อยแล้ว ถ้าเราจับตาดูให้ดี จะเห็นการหักเหลี่ยม ลูบคมกันอยู่กลายๆ

เว้นแต่ว่าจะเป็นการคิดมาก มองโลกในแง่ร้าย หลังจากผลการเลือกตั้งแบบถล่มทลาย 'ค่ายแกงโฮะ' ได้ดำรงตำแหน่งเจ้าปฐพีเป็นสมัยที่ 2 พร้อมกับสร้างความกังขาว่าทำไมปรากฏการณ์ 'วันมามาก' จึงมีข้อกล่าวหาว่ามีกลโกงสารพัด ทั้งเรียบง่ายธรรมดา และหักดิบแบบสดๆ

ความพิสดารในช่วงนี้ก็คือ คณะกรรมการการเลือกตั้งได้รับคำร้องทุกข์เกี่ยวกับพฤติกรรมเล่นไม่ซื่อในบรรดาผู้สมัครสมาชิกสภา 500 แต่ กกต. ก็เปิดไฟเขียวให้ ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ เข้าสภาฯ เต็ม 100 พร้อมกับ ส.ส. เขตกลุ่มหนึ่ง

กกต. บางคนก็ปล่อยลูกโป่งเพื่อวัดกระแสลมบน ลมล่าง ดูว่าจะแรงเพียงใด ด้วยคำพูดที่ว่า จะปล่อยผีที่เหลือให้เข้าสภาให้เต็ม 500 เพื่อให้เลือกตั้งประธานรัฐสภาและนายกฯ ให้เสร็จสิ้นก่อน

พร้อมกันนั้นก็พิจารณาคำร้องเรียนต่างๆ ว่ามีมูลหรือมีแต่ฝอย ถ้ามีหลักฐานปรากฏชัดก็จะสอยทีหลัง และจัดการเลือกตั้งใหม่

ตรงนี้แหละที่มีปัญหา ถ้ามี ส.ส. คนใดได้รับใบแดงภายหลัง ก็หมายความว่าเป็นโมฆะบุรุษไปโดยปริยาย หมดสิทธิลงแข่งขันรอบ 2

และเสียงที่เลือกประธานสภาฯ และนายกฯ นั้นจะถือว่าเป็นโมฆะหรือไม่ เพราะคะแนนนั้นได้มาจากโมฆะบุรุษตั้งแต่แรก เพียงแต่ กกต. แจกใบแดงภายหลังเท่านั้น ด้วยเหตุผลชวนให้ฉงนอย่างยิ่งว่าเอื้ออาทรให้ใครอ๊ะป่าว!

ทำไม กกต. ไม่เร่งรัดพิจารณาแจกใบสีต่างๆ ให้เรียบร้อยก่อนการเปิดประชุมเลือกประธานสภาฯ และนายกฯ จะได้ดูโปร่งใสไร้ราคีคาว?

นั่นก็เพราะมีการมองโลกในแง่ร้ายว่าบรรดากลุ่มก๊วนต่างๆ มีบุคคลในดวงใจสำหรับเก้าอี้ประธานสภาไว้แล้ว แต่ท่านผู้นำก็กำหนดคนไว้แล้วเช่นกัน

ถ้า ส.ส. ได้ใบเขียวไปแล้ว ก็จะมีพลังต่อรองมากกว่าอยู่ในสภาพที่รอการตัดสินจาก กกต. เพราะอาจโดนสอยภายหลังถ้าพฤติกรรมไม่เข้าตาหัวหน้าพรรค ถ้ายังจะถูกสอยภายหลัง ก็ต้องอยู่ในโอวาทหัวหน้า

หมายความว่า กกต. นั้นสามารถรับการส่งซิกจากใครได้เช่นนั้นหรือ? ไม่เป็นการกล่าวหากันมากไปหน่อยเรอะ?

อ้าว! การสุ่มตัวอย่างผ่านเอสเอ็มเอส ตัวทำเงินสำหรับคนทำสื่อทีวี หรือการสอบถามความเห็นชาวบ้านครั้งใด จะเห็นว่า กกต. มีปัญหาด้านความน่าเชื่อถือ และความน่าไว้วางใจเสมอ เพราะที่มาที่ไปนั้น ดูพิกลตั้งแต่แรก

การตีความระเบียบต่างๆ เกี่ยวกับการละเมิดกฎหมายเลือกตั้ง ก็สร้างความน่าสงสัย คลางแคลงใจให้วิญญูชนเสมอ จนพวกมองโลกในแง่ร้ายก็มองไกลถึงขั้นที่ว่าในนั้นมีประเภท 'เด็กสั่ง' ด้วยซ้ำ

เพราะเหตุนี้ กกต. จึงถูกมองว่าเป็น 'ไม้ตาย' สำหรับสอยใครก็ตามที่ส่อพฤติกรรมนอกลู่นอกรอย หรือยึกยัก มีข้อต่อรองน่ารำคาญสำหรับผู้นำ

ถ้าไม่เลือกข้าละก็ โดนสอยแน่ หรืออะไรทำนองนั้น! การเลือกประธานสภา 500 จึงเป็นการประเมินกำลังขั้นแรก ระหว่างกลุ่ม ก๊วน มุ้ง และวังต่างๆ

ถ้าคำขอแกมเสียงขู่ฟ่อๆ ของก๊วนต่างๆ ไม่ได้รับการตอบสนองอย่างดีจากท่านผู้นำ คนของก๊วนได้รับการประเคนด้วยแห้วแทนเก้าอี้ ทีนี้จะมีปัญหาในการเลือกนายกฯ

อาจมีการฟึดฟัด ฮึ่มฮ่ำ พร้อมส่งซิกให้รู้ว่าคะแนนเลือกนายกฯ จะตกหล่น เพราะ ส.ส.บางกลุ่มมีธุระกะทันหัน หรือต้องเข้าห้องน้ำพร้อมกันหลายสิบคนก็เป็นได้ และไม่ยอมเข้าห้องประชุม ทำเป็นเดินไปมาแก้เมื่อยขบ

นั่นเป็นเค้าลางของภาพงูเห่า หรืออนาคอนด้า อย่างที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ เพราะ ส.ส.ทั้งหลายมีอำนาจเหนือหัวหน้า ท่านผู้นำเพียงไม่กี่นาทีช่วงเลือกตั้งนายกฯ

ช่วงนั้นท่านผู้นำต้องประพฤติตนเป็น 'นายแสนดี วจีไพเราะ เสียงเสนาะโสต' พร้อมจะยิ้มกว้างเห็นฟันทุกซี่ ริมฝีปากแทบจะฉีกถึงใบหู

ถ้าเลือกไปแล้ว จากนั้นก็หมดสิทธิต่อรอง เรียกร้องอะไรก็ไม่ได้ ต้องก้มหน้าก้มตารับคำสั่งให้ยกมือในสภา 500 ถ้าทำตัวเป็น 'เด็กนอกแนว' ก็จะชวดตำแหน่งกรรมาธิการ เทกระโถน หรือเบี้ยเลี้ยงพิเศษ ได้รู้รสของการอดอยาก

ต้องตกเป็น 'ผู้แทนนายทุน' จนครบ 4 ปี ยอมรับการโขกสับอย่างลูกจ้างในบ้าน พนักงานบริษัท หรือจนกว่าจะมีเหตุการณ์พลิกผันแบบพิสดาร ทำให้การดำรงตำแหน่งผู้นำสะดุดหยุดลงก่อนเวลา

ก่อนจะหมดอำนาจเลือกนายกฯ นั้น ต้องมีกลุ่มก๊วนอยากต่อรองดูว่าผู้นำ 'แข็ง' จริงหรือไม่ มีอาการ 'ขาสั่น' ปรากฏให้เห็นอ๊ะป่าว?

ถ้า ส.ส.ทั้งหลายอยากทดลองทำตัวเป็นอนาคอนด้า เพราะความรักชาติหักเหแล้วละก็ ท่านผู้นำจะกลายสภาพเป็นผู้ไร้น้ำยา กลายเป็นคนธรรมดาเดินดินทันที และสิ้นสุดยุค 'แกงโฮะ' ครองเมืองแบบไม่คาดฝัน

ยิ่งกว่าคลื่นสึนามิซะอีก! เห็นหรือยัง ว่าช่วงเวลาการสอยของ กกต. นั้นสามารถสร้างอำนาจต่อรองให้บางคนได้ ทั้งอาจสร้างความพลิกล็อก เบี่ยงเบนประวัติศาสตร์ได้จริงๆ

ถ้าไม่เชื่อ ก็นึกถึงภาพ 'ป๋าสมบุญ' แต่งชุดขาวรอเก้อ หลายปีก่อนโน้นก็ได้นิ! อิอิอิ!!!