สัมภาษณ์พิเศษ/ อัญชลี เฉลียวชาติ คัดลอกจาก นิตยสารเนชั่นสุดสัปดาห์
โหรฟันธง! ลักษณ์ เรขานิเทศ "วัดดวงไปเลย ทำนายถูกก็รุ่ง"'ฟันธง' ประโยคฮิตในรอบปีที่หลายๆ คนฟังแล้วต้องผวา!ไปกับคำทำนายของหมอดูชื่อดัง ลักษณ์ เรขานิเทศ หมอดูรุ่นใหม่ ที่มักจะทำนายทายทักดวงชะตาด้วยการ 'ฟันธง' สรุปเลยว่า ใช่ หรือ ไม่ใช่
จนกลายเป็นข่าวใหญ่ในกรณีหมอลักษณ์ ฟันธงดาราสาวชื่อดัง 'แหม่ม-คัทลียา แมคอินทอช' ว่าท้องก่อนแต่ง เป็นที่ฮือฮาไปทั้งวงการบันเทิง
หลายคนอาจสงสัยว่า หมอดูหนุ่มไฟแรงคนนี้ เป็นใคร มาจากไหน และเหตุไฉน เขาจึงกล้าวิเคราะห์ดวงชะตาคนอื่นแบบไม่กลัวหน้าแตกเช่นนี้
วันนี้เราได้มีโอกาสไปเยือนสถาบันพยากรณ์ศาสตร์ ของ ลักษณ์ เรขานิเทศ ที่ตั้งอยู่ ณ หมู่บ้านกลางเมือง ระหว่างลาดพร้าว 23-25 เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา
ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าคือ บรรยากาศของห้องทำงานที่เต็มไปด้วยดวงชะตา ตำรับตำราเกี่ยวกับวิชาโหราศาสตร์ และหนังสือวิชากฎหมาย รัฐศาสตร์และการปกครอง รวมทั้งหนังสือประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจอีกหลายเล่ม ถูกจัดเรียงไว้เต็มห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ เรียกว่า เขาเป็นหนอนหนังสือคนหนึ่งทีเดียว
อาจารย์ลักษณ์ บอกว่า "วันๆ ผมจะอยู่ในห้องนี้เป็นส่วนใหญ่ อ่านหนังสือตำรับตำราเหล่านี้ เพื่อประกอบวิชาโหราศาสตร์ของผม ทั้งหมดนี้คือ สิ่งที่ผมรักและผูกพันมากที่สุด
"หมอดูสมัยใหม่จะดูดวงถูกใจคนได้จะต้องค้นคว้าและพัฒนาอยู่ตลอดเวลา เพราะโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วมาก..การดูหมอเดี๋ยวนี้จึงไม่ใช้เรื่องง่ายอีกต่อไป... จะประสบความสำเร็จได้ก็ต้องรู้อย่างเป็นระบบ และมีศิลปะในการนำเสนอ"
ขณะเดียวกัน หมอดูหนุ่มปรารภว่า ดวงคนเดี๋ยวนี้ทายยาก ถ้าทายเคราะห์จะทายได้แม่น ทายโชคจะทายได้ยาก เพราะโชคเหมือนน้ำฝนที่ทุกคนต้องไปรองรับเอาเอง
"ไม่เคยมีใครถามผมถึงเบื้องหลังของการฟันธง แท้ที่จริงก็คือการวัดดวงไปเลย ถ้าเราทำนายถูกก็จะได้รุ่งในอาชีพนี้ ถ้าทำนายผิดก็เลิกอาชีพนี้ไปเลย มั่นใจหยิบธงสีแดง..ฟันธง"
ดังนั้น 'เนชั่นสุดสัปดาห์' จึงขออาสามาเจาะลึกเบื้องหลังการหยิบธงสีแดง ของหมอดูนักการตลาด ก่อนจะลั่นคำว่า 'ฟันธง'!!
0 ความรู้ด้านโหราศาสตร์ของอาจารย์ลักษณ์ เริ่มต้นจากอะไร
ผมสนใจวิชาหมอดูมาตั้งแต่เด็กๆ เริ่มจากการอ่านตำราพรหมชาติ ซึ่งเป็นตำราที่หมอดูทั่วประเทศต้องอ่าน และเมื่ออ่านหนังสือต่างๆ แล้วก็จะไปพบอาจารย์รุ่นเก่าๆ ที่เป็นผู้แต่งหนังสือเพื่อไปหาความรู้ และบางทีก็ไปเพื่อล่อลวงความรู้ การล่อลวงความรู้ก็คือ การไปหาอาจารย์ท่านหนึ่งแล้วบอกว่าอาจารย์อีกท่านหนึ่งพูดว่าอย่างนี้ๆ ท่านว่าอย่างไร ท่านก็จะบอกมาเลยว่ามันต้องอย่างนี้ๆ ต่างหากจึงจะถูก เราก็ได้ความรู้กลับมา เพราะถ้าเข้าไปบอกตรงๆ ว่าอาจารย์ครับ ขอเรียนวิชาหน่อย ท่านจะไล่เลย แต่ที่สุดของการศึกษาแล้วกลับไม่ใช่อาจารย์ แต่คนที่มารับฟังคำทำนายจากเราต่างหากที่เป็นครูของเราจริงๆ
0 เริ่มศึกษาวิชาโหราศาสตร์จริงๆ เมื่อไหร่
ตอนที่ผมเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประมาณปี 2536 คือศึกษาแบบสนุกๆ เหมือนเป็นวิชาเสริมพิเศษ จากศึกษาเองก็เริ่มต่อยอดด้วยการไปเรียนที่สมาคมโหรแห่งประเทศไทย โดยการแนะนำของ อ.วิบูลย์ สำราญภูติ กับพี่นพดล รุ่งเรืองมณีรัตน์ เพราะผมคิดว่ามันจะเป็นการหารายได้อีกทางหนึ่ง คือช่วงนั้นเกิดวิกฤติกับครอบครัว คุณแม่ปล่อยเงินกู้และประสบปัญหา ไม่สามารถส่งผมเรียนหนังสือต่อได้ ผมต้องหาเงินเรียนเอง ก็พยายามที่จะหาอาชีพเสริม ไปเป็นยาม เด็กเสิร์ฟ แต่มันไม่ใช่วิถีของเรา ก็คิดและค้นพบว่าวิถีของเราน่าจะมาทางนี้
0 เริ่มอาชีพหมอดูครั้งแรกที่ไหน
จำได้แม่นเลยครั้งแรกในชีวิตของการดูดวงก็คือที่งานกาชาด จ.สุพรรณบุรี ตอนนั้นผมอายุยังไม่ถึง 20 ปีเลย เรียกว่าเป็นหมอดูอายุน้อยที่สุดในซุ้มหมอดู นั่งตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึงตี 2 ที่อนุสรณ์ดอนเจดีย์ เชื่อมั้ยผมนั่งอยู่ 2 วันเต็มๆ ไม่มีแมวตัวไหนมาดูกับผมเลย พอวันที่ 3 คุณจองชัย เที่ยงธรรม ส.ส.สุพรรณฯ เดินผ่านซุ้มหมอดู ก็มานั่งตรงโต๊ะผมกับภรรยาท่าน ทีนี้ก็เหมือนชะรอยจะทำให้ผมดัง เพราะท่าน ส.ส.จองชัย เลือกที่จะดูหมอกับผม ท่านถามว่าผมจะได้เป็นรัฐมนตรีมั้ย ผมตอบว่าจะได้เป็น 3 ครั้งครับท่าน (ไม่รู้จะแม่นหรือเปล่าเพราะเป็นเรื่องอนาคต) ท่าน ส.ส.ถามอีกว่า ถ้าเสี่ยงจะมีโชคมั้ย ผมตอบมีครับท่าน มาถึงช็อตเด็ดท่านถามว่า ผมจะมีเมียหลายคนมั้ย (เมียท่าน ส.ส.นั่งอยู่ข้างๆ ) ผมก็ตอบเลยว่า ดวงท่านเป็นคนรักเดียวใจเดียว จะมีเมียเดียว ท่านบอกโอ้โห..หมอนี่แม่นจริงๆ คำว่าแม่นจริงๆ ของท่านก็คือ พูดอย่างนี้ ฉันชอบ
จากนั้นบรรดาข้าราชการ ปลัด เดินตามมาเป็นแถว มายืนรอคิวดูดวงเพราะคิดว่าผมคงจะดูแม่นมาก (หัวเราะ) ตอนนั้นค่าดู 150 บาท แบ่ง 70:30 กับทางกาชาด เชื่อมั้ย 3 วันสุดท้าย ผมได้เงินติดกระเป๋าเกือบ 4 หมื่นบาท แสดงว่าผมต้องดูแม่นขนาดไหน บางคนมารับไปดูที่บ้านให้หัวละ 500 หัวละ 1,000 บ้าง ให้พระเลี่ยมทองคำบ้าง จากตรงนั้นเลยทำให้ผมมีรายได้กลับมาเป็นเงินค่าเทอม
จากนั้นก็เริ่มทำสำนักหน้ามหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เป็นศูนย์พยากรณ์ อยู่ประมาณ 2 ปี คือตั้งแต่ปี 2536-2537 ดูให้นักศึกษา อาจารย์ เจ้าหน้าที่ คนทั่วไป มันเหมือนกับว่าหมอดูคือสิ่งที่เกิดขึ้นตอนที่ผมยังเรียนไม่จบ แล้วมันก็เป็นอาชีพเสริมเหมือนอาชีพสมัครเล่น เป็นสิ่งที่ทำให้ผมมีรายได้อยู่ได้
0 นี่คือจุดเริ่มต้นของวิชาชีพโหราศาตร์
(หัวเราะ) คือจริงๆ ต้องบอกว่างานอาชีพหมอดูของผมเริ่มต้นที่หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจก่อน โดยการชักชวนของเพื่อนให้มาเขียนคอลัมน์เกี่ยวกับดวง ก็พอมีรายได้ แต่ยังไม่เป็นที่รู้จักเท่าไหร่ อยู่มาวันหนึ่งก็มีน้องนักข่าวในหนังสือพิมพ์ฐานสัปดาห์วิจารณ์ มาสัมภาษณ์เรื่องการเมือง จำได้ว่าประมาณปี 2538 ตอนนั้นคุณบรรหาร ศิลปอาชา เป็นนายกรัฐมนตรี ผมก็ทายว่า นายกฯ บรรหารจะต้องลงอย่างฉับพลัน คือ ผมฟันธงไปเลยว่านายกฯ บรรหารจะถูกหักหลัง แล้วจะลงแบบฉับพลัน 99.99% ลงจากตำแหน่งแน่ๆ
ปรากฏว่า หลังจากนั้นเกิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ จับกับมือกับเสนาะ เทียนทอง หักหลังทำให้นายกฯ บรรหารต้องลงจากตำแหน่งจริงๆ โอ้โห..โคตรแม่นเลย มีโทรศัพท์มาหาผม 300-400 สาย ชื่อ 'ลักษณ์ เรขานิเทศ' ดังเลย เป็นใคร ทำไมดูแม่นอย่างนี้ (หัวเราะ) อะไรประมาณนั้นเลย
0 ชื่อ 'ลักษณ์ เรขานิเทศ' ขึ้นทำเนียบเป็นหมอดูคนดังทันที
ครับ ผมยอมรับว่ามีงานเข้ามามายมาย เริ่มตั้งแต่ไปนั่งที่ระเบียงโหรของโรงแรมชารีน่า จัดรายการทีวีที่ไทยสกายทีวีชื่อรายการ 'หมอดูสเปเชียล' จัดรายการวิทยุ ซึ่งเป็นคลื่นกีฬาในรายการ 'Sport Fortune' และมีงานเขียนคอลัมน์ 'ลายเซ็น' ลงในนิตยสารเปรียว และหนังสือพิมพ์รายวันและรายสัปดาห์หลายฉบับ
0 มาเป็นอาจารย์สอนโหราศาตร์ได้อย่างไง
พอทำงานในอาชีพหมอดูอยู่ 2-3 ปี ผมก็เริ่มรู้สึกเบื่ออยากจะทำงานวิชาการบ้าง ก็เริ่มหันมาเป็นอาจารย์สอนวิชาโหราศาสตร์ที่สมาคมโหรแห่งประเทศไทยในปี 2542 พอปี 2543 ก็เริ่มออกหนังสือพยากรณ์รายปี โดยให้คำทำนายที่เป็นมวลชนมากขึ้นผ่านสื่อต่างๆ และเริ่มจับดวงชะตาเมืองซึ่งมีเอกลักษณ์แตกต่างจากหมอดูคนอื่นๆ อย่างเช่น คนอื่นอาจจะบอกว่าฟ้าจะถล่มดินจะทลาย แต่ผมศึกษาพบว่าประวัติศาสตร์จะมีการครบรอบ ผมเทียบเคียงมุมของดวงดาว ผมเคยทำนายว่าดวงเมือง 2544 จะเหมือนตอนที่เริ่มสร้างกรุงศรีอยุธยา
0 อาจารย์ลักษณ์ มีวิธีในการทำนายดวงอย่างไร
วิธีดูของผมไม่เหมือนใคร เมื่อก่อนจะดูลายมือ แต่เดี๋ยวนี้ดูวันเดือนปีเกิดเอามคำนวณดู และผมบอกคนที่มาดูเลยว่า หุบปากไว้ไม่ต้องพูดอะไรเลย เดี๋ยวฟังผมพูดให้จบแล้วผมจะถามว่า ถ้าผมพูดถูกไม่ถึง 60% คุณไปได้เลย ไม่ต้องจ่ายเงินด้วย มันเป็นสไตล์ของผม คือ ผมเป็นคนที่ถึงลูกถึงคน เป็นคนตรงๆ โผงผาง ทายแบบไม่ต้องถนอมน้ำใจ คือ พูดตรงๆ ฟันธงไปเลย คุณไม่เชื่อก็ไม่ต้องจ่ายเงิน ผมปกป้องตัวเองด้วยวิธีนี้มาตลอด เพราะผมไม่ใช่เทวดา
และรูปแบบที่ใช้ทนายดวงแต่ละคนของผมก็จะใช้วิธีเทียบเคียงกับคนดังๆ ที่เกิดในราศีเดียวกัน แนะนำอะไรที่เหมาะสบกับชีวิตแต่ละคน ผมเป็นนักสังเกตการณ์ชีวิต การป็นนักโหราศาสตร์ได้เปรียบตรงที่มีคนศรัทธาซึ่งจะนำไปสู่ความเชื่อ ยิ่งคนทีมีความทุกข์และเชื่อเรื่องนี้มากๆ หมอดูสามารถหลอกคนได้ตายสนิท แต่ผมไม่ทำอย่างนั้น
0 'ฟันธง' กลายเป็นเอกลัษณ์ที่ทำให้โด่งดัง
(หัวเราะ) คือ โด่งดังแบบฟังธงนี่แหละ แบบว่าถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด แล้วโจทย์ในใจผมก็คือ ถูกจะได้ใช้ต่อ ผิดจะได้เลิกเป็นหมอดู ไม่เคยมีใครถามผมเลยเบื้องหลังของการฟันธงแท้ที่จริงก็คือ วัดดวงไปเลยถ้าเราทำนายถูกก็จะได้รุ่งในอาชีพนี้ ถ้าทำนายผิดก็เลิกอาชีพนี้ไปเลย
0 ปัจจุบันคำว่า 'ฟันธง' คือ กลยุทธ์ทางการตลาดของอาจารย์
ครับ ผมไม่ปฏิเสธว่า มันเป็นประโยคบทสรุปที่ลงตัวตามสไตล์ของผม ยิ่งเรามาทำรายการทีวีก็คิดหนักว่าจะเอาชื่ออะไรดี ที่มีบทสรุปชัดเจนก็เลยตั้งชื่อรายการว่า 'โหรฟันธง' เพราะผมคิดว่าใครโทรเข้ามาก็คงอยากให้เราตอบแบบโชะเชะ ก็ยังไม่คิดว่าจะต้องฟันธง พอทำรายการผ่านไป 2 ตอน มันไม่มันส์ ก็เริ่มสรุปได้ว่าทำรายการมันต้องมีพล็อต ผมก็บอกทีมงานว่าไปหาธงมาซิ
เอาธง 3 สี คือ แดง ดำ ขาว จริงๆ มันมีคำว่า ชัวร์ป๊าบ 100% ความหมายก็คือ ธงสีดำ มั่วนิ่มไม่มั่นใจ 20% ธงสีขาว ก็แบบ 50% ธงสีแดง มั่นใจฟันธง...อย่างดวงชะตาของคุณแหม่ม-คัทลียา แมคอินทอช มั่นใจมาก พร้อมยกธงขึ้นเลย ฟันธงครับ สีแดงเลย ก็กลายเป็นที่มาของฟันธง ยิ่งระยะหลังๆ นี่ พอฟันธงแล้วกลายเป็นว่าคนสนใจ ชอบใจมาก
0 รายการโหรฟันธง เป็นรายการของใคร
ผมเป็นเจ้าของรายการ คือ ผมฝันอยากจะทำรายการทีวีมานานแล้วและก็คิดว่าต้องเป็นรายการที่เราถนัด เป็นรายการเกี่ยวกับการทำนายดวงชะตา อะไรพวกนี้ ก็เลยตั้งบริษัทขึ้นมาชื่อว่า บริษัท รศ.221 เพื่อผลิตงานหนังสือและรายการโทรทัศน์ฟันธงวันหยุด ออกอากาศทางยูบีซีช่อง 9 ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 22.00-23.00 น.
รูปแบบรายการจะเป็นวาไรตี้สไตล์มันๆ ถึงลูกถึงคน โดยมีผมเป็นพิธีกรหลักเป็นเจ้าของรายการ โดยช่วงแรกจะเล่าเกี่ยวกับสถานการณ์ข่าวที่เกิดขึ้นว่าในประเด็นมุมดวงดาวมันเป็นยังไง ช่วงที่ 2 จะเกี่ยวกับสุขภาพแพทย์ทางเลือก ช่วงที่ 3 ฟันธงเปิดสายให้คนโทรเข้ามาถามดวงชะตาโดยเราจะตอบกันสดๆ และในวันอาทิตย์จะเป็นฟันธงดวงดารา
0 เรทติ้งสูงขนาดนี้ ทำไมไมเลือกทำรายการในช่องฟรีทีวี
(ยิ้ม) ตอบตรงๆ นะ ตามดวงผม ถ้าจะผลิตรายการเองในช่องเคเบิลจะดีมาก แต่ถ้าไปเสนอรายการผลิตในฟรีทีวีไม่รอดแน่ แต่ถ้ามีผู้ใหญ่ช่องฟรีทีวีเชิญผมเข้ามาพูดคุยให้ไปเป็นพิธีกร มันจะถูกดวง คือ จะเป็นดวงที่อยากดังไม่ได้ ต้องให้คนเชิญไปทำ ซึ่งรายการนี้ผมไปตรวจดวงมาเรียบร้อยแล้วว่า ดังแน่ๆ ฟันธง 90%
0 ทราบว่ากำลังจะมีรายการใหม่ร่วมกับบริษัท โพลีพลัส
ครับ คือ คุณนิด-อรพรรณ วัชรพล ชวนผมไปทำรายการทีวีด้วยเป็นรายการใหม่ที่ไม่เกี่ยวข้องการทำนายดวงชะตา แต่เป็นรายการวาไรตี้ที่น่าสนใจคู่กับพิธีกรสาวคนดัง รายละเอียดทั้งหมดขอให้ทางโพลีพลัสให้ข่าวจะดีกว่า คาดว่าเร็วๆ นี้คงจะทราบว่าจะให้ชื่อรายการอะไร และจะออกอากาศช่องไหน
0 นอกจากงานทีวีแล้ว อาจารย์ลักษณ์มีงานอะไรบ้าง
ผมเป็นคอลัมนิสต์เขียนบทความให้กับหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ นิตยสารเปรียว หนังสือ Direct News นิตยสารวัยรุ่น I am Teentac และงานออดิโอเทค คือ ดูดวงทางโทรศัพท์ที่เบอร์ 1900-333-393
0 รายการออดิโอเทค คนดูจะทราบได้อย่างไรว่าเป็นการทำนายดวงจริงๆ
คือ การทำงานของออดิโอเทค ก็เหมือนเป็นนักธุรกิจที่ต้องทำเป็นฐานข้อมูล เคยมีคนมาบ่นว่าไปฟังที่อื่นกี่ปีๆ ก็ได้คำทำนายชุดเดิม กว่าจะเข้ารายการได้ก็ยืดเยื้อ วันหนึ่งคนก็จะเสื่อมศรัทธา แต่ของผมไม่เอาเด็ดขาด การอัดคำพยากรณ์ของผมต้องเปลี่ยนใหม่ทุก 15 นาที ซึ่งการทำตรงนี้เขาต้องจัดคนมาทำรายวัน ซึ่งผมก็ยินดีที่จะจ้างคนมาทำตรงนี้ เพราะผมไม่ต้องการให้คนเสื่อมศรัทธา
0 งานสอนที่สถาบันพยากรณ์ศาสตร์ เป็นอย่างไรบ้าง
ผมจะเปิดสอนหลักสูตรในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม แต่ใช่ว่าจะรับสอนทุกคน ใครจะสมัครต้องขอดูดวงก่อน คนมาสมัคร 200-300 คน ก็จะคัดเลือกคนที่จะเรียนได้จริงเหลือแค่ 20 คนเท่านั้น หลักสูตรที่เปิดสอนก็คือ หลักสูตรดวงโหราศาสตร์ ซึ่งต้องเรียนอย่างน้อย 2 ปี เพราะวิชาพวกนี้ต้องเรียนนาน หลักสูตรลายเซ็นต์เรียนจบใน 2 วัน เป็นการเรียนเพื่ออ่านสันดานคนจากลายเซ็น และสุดท้ายคือหลักสูตรลายมือ ซึ่งจะสอนเฉพาะคนที่ดูเป็นแล้วเท่านั้น
0 ดวงอาจารย์ลักษณ์กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น
(หัวเราะ) ครับ ช่วงนี้ดวงของผมกำลังมาแรงตั้งแต่ปี 2548-2553 จากนี้อีก 5 ปี ก็ตั้งใจจะทุ่มเทให้กับงานอย่างจริงจัง ผมวางแผนไว้ว่าจะค่อยๆ ถอนตัวเองออกจากวงการหมอดู โดยกำหนด 10 ปีหลังจากนี้ผมจะทุ่มเทให้กับงานสอนและงานเขียนบทความอย่างจริงจัง และหลังจากนั้นก็จะเริ่มต้นงานด้านวิชาการ เพราะผมตั้งใจจะเข้าศึกษาที่วิทยาลัยพุทธศาสนา เพื่อนำวิชาความรู้ตรงนี้ไปวิจัยตลาดหุ้นโดยใช้หลักของการครบรอบ อาชีพของคนกับโหราศาสตร์ โดยใช้ความรู้ทางโหราศาสตร์ประกอบกับเศรษฐศาสตร์และในอนาคตก็จะออกหนังสือพยากรณ์รายปี ผมทำล่วงหน้า 5 ปี อย่างคนราศีเมษก็ดูไปเลยอีก 5 ปีดวงคุณจะเป็นอย่างไร
เพราะตลอดชีวิตของการเป็นหมอดูสิ่งที่ผมได้จากวิชาชีพนี้ก็คือ การได้เรียนรู้ชีวิตคนและเตรียมพร้อมรับปัญหาชีวิตล่วงหน้าได้ซึ่งถือเป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่าและแต่ต่างจากอาชีพอื่นๆ
0 อาจารย์ลักษณ์ กำลังจะบอกว่าวิชาชีพนี้ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรบ้าง
ครับ เพราะการเป็นหมอดูทำให้เราเหมือนคนแก่ทางความคิด แต่ก็มีความสุขกับภาพแบบนี้ ผมไม่หวังร่ำรวยจากการทำงาน แต่ผมได้รู้ว่าชีวิตคนเหมือนระฆังคว่ำพอขึ้นถึงจุดสูงสุดก็จะต้องลง แต่ถ้าเมื่อใดที่เราถึงจุดสูงสุดของงานหนึ่งแล้วเราเปลี่ยน Peak ของเราก็จะไม่เคยตกลง ผมไม่คิดจะเล่นการเมืองตรงๆ ให้เป็นที่ปรึกษาได้แต่ไม่สังกัดกับพรรคการเมืองใด
0 นี่คือทัศนะของหมอดูยุคไฮเทค
(หัวเราะ) ผมคิดว่า หมอดูสมัยใหม่จะดูดวงถูกใจคนได้จะต้องค้นคว้าและพัฒนาอยู่ตลอดเวลา เพราะโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วมาก และมีปัจจัยทีทันสมัยมากมายที่จะทำให้ดวงชะตาของคนเปลี่ยนแปลงไปการดูหมอเดี๋ยวนี้จึงไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป หมอดูรุ่นใหม่ต้องศึกษาทั้งสังคมศาสตร์ พุทธศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ และนิติศาสตร์ เพื่อให้มีความรู้ที่ทันโลกและสามารถทำนายเหตุการณ์ได้ใกล้เคียงความน่าจะเป็นมากที่สุด หมอดูสมัยใหม่จึงเหมือนนักจิตวิทยา ซึ่งจะประสบความสำเร็จได้ก็ต้องรู้อย่างเป็นระบบและมีศิลปะในการนำเสนอ
0 อาจารย์ลักษณ์ คิดว่าหมอดูที่ดีควรจะเป็นอย่างไร
ต้องเรียนรู้รูปแบบการนำเสนอ เพราะดวงคนเดี๋ยวนี้ทายยาก ถ้าทายเคราะห์จะทายได้แม่น ทายโชคจะทายได้ยาก เพราะโชคเหมือนน้ำฝนที่ทุกคนต้องไปรองรบ ในการทำนาย ผมใช้หลักเกณฑ์ทางคณิตศาสตร์ ผมจะบอกว่าคุณควรจะ คุณมีโอกาสที่จะ ผมจะไม่บอกว่าคุณต้องอย่างนั้น อย่างนี้ แต่ผมจะพูดถึงโอกาสมากกว่า เราต้องให้คำพูดที่เขาฟังแล้วมีความสุข เราต้องให้กำลังใจมากกว่าซ้ำเติม
ผมย้ำเสมอว่าหมอดูเดี๋ยวนี้ต้องไว ถ้าหาคำทำนายที่ทันสมัยไม่ได้ก็ตกรุ่น ผมจึงต้องเป็นคนที่ทันสมัยมากๆ แม้จะต้องขัดแย้งกับหมอดูรุ่นเก่าบ้างก็ตาม
0 หากจะบอกว่าดวงเป็นคำตอบสุดท้ายของการคาดการณ์อนาคตได้มั้ย
ตอบว่า ดวงเป็นข้อมูลสุดท้ายของการตัดสินใจในอนาคตอย่างนี้ดีกว่า ถ้าเรียกว่าเป็นคำตอบสุดท้ายเดี๋ยวคนจะหาว่าเราเป็นคนที่ยึดมั่นถือมั่น ดวงเป็นหนึ่งในข้อมูลที่บอกอนาคตเพราะมันอาจจะมีข้อมูลจากนี้เพื่อทำนายอนาคต เช่น ราคาน้ำมัน เศรษฐกิจ ภัยที่เกิด ขึ้นในภาคใต้ ข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ อาจจะเป็นข้อมูลปัจจุบันเพื่อบอกอนาคต เพราะดวงเป็นข้อมูลเพื่อบอกอนาคตโดยตัวมันเองเลยจากสถิติในอดีต
0 การที่อาจารย์ลักษณ์ ทายแม่น ฟันธงตรง จะทำให้ธุรกิจดวงเฟื่องฟูขึ้นตามลำดับมั้ย
บอกตรงๆ ผมกลัวมากเลยนะ กลัวว่าถ้ามันเฟื่องฟูและไปก่อให้เกิดการไปมอมเมากลุ่มคนที่เค้าเชื่อเรื่องพวกนี้ แต่สำหรับผมไม่มีแน่นอนเพราะผมเป็นคนตรง ไม่มอมเมาคน แต่ผมจะให้สติคนที่มาหา สมมติ ปีนี้คุณจะลงทุนใช่มั้ย กำลังจะซื้อที่ ลงทุน อสังหาฯ ดีๆ แต่ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ได้ถูกหล่อหลอมมาแบบผม ไม่ได้มีมาตรฐานมโนธรรม มีวิธีคิดแบบนี้ หรือว่าความซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพ วิสัยทัศน์ ที่เรียนมาเป็นฐานคือ เศรษฐศาสตร์ มันเป็นเกราะช่วยคิดวิเคราะห์ แล้วคนที่มารับการดูดวงมันจะเสี่ยงขนาดไหน
ผมไม่ได้บอกว่าผมเก่งที่สุด มีคนที่เก่งในวิชาโหราศาสตร์มากกว่าผมเยอะ แต่เค้าจะเข้าใจการนำมาใช้มั้ย ที่เรียกว่า ศิลปศาสตร์น่ะ เข้าใจกรอบกติกาทางสังคม กรอบแห่งประสบการณ์ที่เคยสะสมหรือเปล่า คนบางคนเก่งแต่ทฤษฎี แม่นทุกเล่มเลยแต่ไม่เคยใช้ดูดวงจริงๆ คือ เหมือนมีดาบแต่ไม่เคยใช้จริงๆ ว่ามันต้องมีตัวปรับ ยังไงบ้าง ไปใช้แนะนำใคร มันจะแบบฝืนๆ มันยากนะ ผมว่าการที่ดูแม่นขึ้นมีสถิติชัดเจนขึ้น มันจะทำให้สังคมนี้มีการมองแบบโพซิทีฟ เพราะหมอดูมีเสน่ห์ มันจะทำให้หลงในตัวของการที่จะใช้ ซึ่งหากเราใช้คนที่เป็นหมอดูไม่ถูกคน คือใช้มั่วๆ ใช้คนที่ทำผิดศีลธรรม หลอกสะเดาะเคราะห์ ต่อชะตา จะไปกันใหญ่
0 เปรียบเทียบสัดส่วนความแม่นที่บอกว่าฟันธงเป็นอย่างไรบ้าง
ผมว่า 90% ฟันธง แต่บางอย่างมันเป็นความที่สื่อเอาไปลง คือ ผมไม่เคยมีทัศนคติทางลบกับสื่อ ผมจะพูดเสมอว่าสื่อคือตัวแสบ แต่สื่อไม่ใช่คนชั่วและคนเลว สื่อมีโจทย์ที่สื่อต้องการขาย ตัวแหล่งข่าวก็มีโจทย์ที่ต้องการพรีเซ้นท์ ตัวประชาชนก็มีโจทย์ที่ต้องการรับรู้ข่าวสารทั้งที่มีสาระและไม่มีสาระ ผมจะโดนมากเรื่องวิเคราะห์ดวงคนในวงการบันเทิง ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไม ในเมื่อคุณเป็นบุคคลสาธารณะผมวิเคราะห์ไปคุณก็ใช้วิจารณญาณสิ ไม่ใช่มาโกรธเรา
0 แต่ก็มีกรณีพิพาทกับดาราบ่อยๆ
เยอะมากๆ (ลากเสียงยาว) รู้มั้ย ผมต้องหาหนังสือเกี่ยวกับกฎหมาย การฟ้องว่าด้วยการละเมิดมาอ่านเลย มาตราที่ 420 บอกเลย คำพูดที่ผมบอกว่า แหม่มท้องก่อนแต่ง ผมถูกฟ้องแน่ๆ แต่ผมไม่ได้พูดประโยคนี้ ผมพูดว่า ดวงชะตาของแหม่มมีเกณฑ์จะอยู่เป็นโสด ดีกว่ามีครอบครัว ถ้ามีครอบครัวจะมีความสุขน้อยกว่าอยู่เป็นโสด แล้วถ้าไม่แต่งงาน 2548-49 สองปีนี้ ระวังจะมีผู้ชายมารวบรัดตัดตอนให้แหม่มท้องและนำไปสู่การแต่งงาน แต่ประโยคอย่างนี้มันขายไม่ได้ มันต้อง แหม่มท้องก่อนแต่งงาน ลักษณ์ฟันธง มันเป็นการสรุปของสื่อ (ถ้าฟ้องก็ต้องฟ้องสื่อ เพราะผมไม่ได้พูด) แต่ในทางกฎหมายโดนทั้ง 2 คน แต่ผมก็ไม่คิดว่าสื่อผิด คือผมเข้าใจสื่อดี มันเป็นภาษาของการขาย ซึ่งคนสาธารณะในประเทศนี้อย่าเรียกร้องความชอบธรรมให้มากนักกับตรงนี้ เมื่อคุณเดินเข้ามาตรงนี้แล้วคุณต้องยอมว่า ความมีชื่อเสียงของคุณมาจากประชาชน
0 ช่วงนี้ชะตาบ้านเมืองเป็นอย่างไรบ้าง
โลกมันจะมีเหตุการณ์ร้ายๆ เกิดขึ้นมากมาย ที่อยู่ตึกสูง อันตรายที่สุดจะมีเกณฑ์ตึกถล่ม แผ่นดินทรุด ไฟไหม้ เห็นมั้ยบริษัทอาร์เอส ย้ายจากตึกสูงมาอยู่สตูดิโอหมดเลย มาเป็นบริษัทลูกเล็กๆ อยู่ติดดินหมดเลย ไม่รู้เค้าแก้เคล็ดหรือเปล่า แต่บริษัทแกรมมี่ อยู่ตึกสูงน่ากลัวมาก คมชัดลึกก็อยู่ทางตึกเตี้ย บริษัทโพลีพลัสก็ไม่สูงแค่ 3 ชั้นเอง แต่อาณาจักรเค้ามาแรง
0 ดวงทางการเมือง เป็นอย่างไรบ้าง
ดวงบ้านเมืองในวันนี้ เราต้องการคนดี เราต้องการคนที่ทั้งคล่องและเก่ง และขอให้เค้ารักประเทศนี้ เห็นแก่ประโยชน์ของประชาชนในประเทศไม่เห็นแก่นาย ส.เสือ นายอะไรมากนัก สรุปก็คือ นายกฯ ทักษิณ คนนี้แหละ ถ้าคนอื่น ก็จะบอกเรื่องนี้ยังไม่ได้รับรายงาน มันจะเป็นไปตามขั้นตอนกระบวนการตามข้อกฎหมาย ต้องรอเวลา จะสไตล์เดียวกันเลย ก๊อบกันมาเลย มันไม่มีทางแก้ปัญหาได้ มันจะเป็นนโยบายทางความคิด นี่มันต้องไหน ตรงไหน มีอะไร มันต้องโชะเชะ อย่าให้มีการกินเป็นเปอร์เซ็นต์มากนัก การฉ้อราษฎร์บังหลวง สำคัญที่สุดเลย
ผมขออธิษฐาน 2 อย่างคือ 1. ขอให้เป็นนายกฯ อยู่นานๆ 2 .ขอให้นายกฯ รักประเทศนี้ให้มากๆ เพราะเค้าเหมาะสมแล้วในภาวะอย่างนี้ ภาวะที่เหมือนกับอเมริกา คือต้องการผู้นำที่เก่งและตัดสินใจเด็ดขาด รู้เรื่องการค้า ผมถึงได้บอกว่า ขอให้เค้ารักประเทศไทยให้มากๆ รักคนไทย แผ่นดินไทยให้มากๆ และให้เค้าอยู่นานๆ
: หนองปลาปาก : ตำบลกวนวัน : ตำบลในเมือง : ตำบลค่ายบกหวาน : ตำบลบ้านเดื่อ : ตำบลพระธาตุบังพวน : ตำบลปะโค : ตำบลโพนสว่าง : ตำบลโพธิ์ชัย : ตำบลเมืองหมี : ตำบลมีชัย : ตำบลเวียงคุก : ตำบลวัดธาตุ : ตำบลสีกาย : ตำบลหาดคำ : ตำบลหนองกอมเกาะ : ตำบลหินโงม : ตำบลกุดบง : ตำบลชุมช้าง : ตำบลจุมพล : ตำบลทุ่งหลวง : ตำบลเซิม : ตำบลนาหนัง : ตำบลบ้านโพธิ์ : ตำบลบ้านผือ : ตำบลวัดหลวง : ตำบลสร้างนางขาว : ตำบลเหล่าต่างคำ : ตำบลกองนาง : ตำบลท่าบ่อ : ตำบลโคกคอน : ตำบลน้ำโมง : ตำบลนาข่า : ตำบลบ้านเดื่อ : ตำบลบ้านถ่อน : ตำบลโพนสา : ตำบลบ้านว่าน : ตำบลหนองนาง : ตำบลนาดี : ตำบลเฝ้าไร่ : ตำบลหนองหลวง : ตำบลวังหลวง : ตำบลอุดมพร : ตำบลบ้านต้อน : ตำบลนาทับไฮ : ตำบลพระบาทนาสิงห์ : ตำบลโพนแพง : ตำบลบ้านหม้อ : ตำบลรัตนวาปี : ตำบลพระพุทธบาท : ตำบลพานพร้าว : ตำบลแก้งไก่ : ตำบลบ้านม่วง : ตำบลนางิ้ว : ตำบลผาตั้ง : ตำบลสังคม : ตำบลโพนทอง : ตำบลด่านศรีสุข : ตำบลโพธิ์ตาก : ตำบลสระใคร : ตำบลบ้านฝาง : ตำบลคอกช้าง
วันอังคารที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2553
โหรฟันธง! ลักษณ์ เรขานิเทศ "วัดดวงไปเลย ทำนายถูกก็รุ่ง"
เขียนโดย
Thai Writer
ที่
21:56

ส่งอีเมลข้อมูลนี้BlogThis!แชร์ไปยัง Xแชร์ไปที่ Facebookแชร์ใน Pinterest