: หนองปลาปาก : ตำบลกวนวัน : ตำบลในเมือง : ตำบลค่ายบกหวาน : ตำบลบ้านเดื่อ : ตำบลพระธาตุบังพวน : ตำบลปะโค : ตำบลโพนสว่าง : ตำบลโพธิ์ชัย : ตำบลเมืองหมี : ตำบลมีชัย : ตำบลเวียงคุก : ตำบลวัดธาตุ : ตำบลสีกาย : ตำบลหาดคำ : ตำบลหนองกอมเกาะ : ตำบลหินโงม : ตำบลกุดบง : ตำบลชุมช้าง : ตำบลจุมพล : ตำบลทุ่งหลวง : ตำบลเซิม : ตำบลนาหนัง : ตำบลบ้านโพธิ์ : ตำบลบ้านผือ : ตำบลวัดหลวง : ตำบลสร้างนางขาว : ตำบลเหล่าต่างคำ : ตำบลกองนาง : ตำบลท่าบ่อ : ตำบลโคกคอน : ตำบลน้ำโมง : ตำบลนาข่า : ตำบลบ้านเดื่อ : ตำบลบ้านถ่อน : ตำบลโพนสา : ตำบลบ้านว่าน : ตำบลหนองนาง : ตำบลนาดี : ตำบลเฝ้าไร่ : ตำบลหนองหลวง : ตำบลวังหลวง : ตำบลอุดมพร : ตำบลบ้านต้อน : ตำบลนาทับไฮ : ตำบลพระบาทนาสิงห์ : ตำบลโพนแพง : ตำบลบ้านหม้อ : ตำบลรัตนวาปี : ตำบลพระพุทธบาท : ตำบลพานพร้าว : ตำบลแก้งไก่ : ตำบลบ้านม่วง : ตำบลนางิ้ว : ตำบลผาตั้ง : ตำบลสังคม : ตำบลโพนทอง : ตำบลด่านศรีสุข : ตำบลโพธิ์ตาก : ตำบลสระใคร : ตำบลบ้านฝาง : ตำบลคอกช้าง

วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2553

'201เสียง' ไพ่ใบสุดท้าย

แม่ไม้การเมือง / ไพศาล สังโวลี

'201เสียง' ไพ่ใบสุดท้าย
ณ คอลัมน์แห่งนี้ ฉบับที่แล้ว เขียนถึงกลยุทธ์หาเสียงพรรคประชาธิปัตย์ ในหัวเรื่อง 'กลยุทธ์ 201 เสียง' ไปแล้ว

ดูเหมือนค่อนข้างสอดรับกับการแถลงข่าวเปิดไพ่ใบสุดท้าย 'กลยุทธ์ 201 เสียง' ออกมาเมื่อไม่นานมานี้

ฉบับนี้ ที่ต้องขยายก็คือ การดำเนิน 'กลยุทธ์ 201' ความสำเร็จในทางการเมืองจะมีมากน้อยแค่ไหน

ก่อนที่จะไปถึงจุดนั้น ที่ต้องไม่ลืมก็คือ 'กลยุทธ์ 201' เกิดขึ้น จากช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ประกาศยึดส.ส. 400 เขตทั่วประเทศ

ทำให้นักวิชาการ คนชั้นกลาง ออกมาวิพากษ์วิจารณ์เป็นการใหญ่ ประเด็นก็คือ หากพรรคไทยรักไทยได้เสียงถึง 400 ที่นั่งจริง จะทำให้พรรคฝ่ายค้านไม่สามารถยื่นเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจได้เลยทั้งรัฐมนตรี(ใช้เสียง1ใน5) และนายกรัฐมนตรี (ใช้เสียง 2 ใน 5)

นับแต่นั้นมา จะเห็นว่า นักวิชาการ คนชั้นกลาง ต่างหวาดระแวง พฤติกรรมเพื่อเอาชนะเลือกตั้งของพรรคไทยรักไทย อย่างมาก และมักออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงอยู่เสมอ โดยชี้ให้เห็นถึงการ 'เหลิงอำนาจ'

ขณะเดียวกัน ความต้องการให้การเมืองนิ่ง ความต้องการให้พรรคการเมืองเหลือน้อยที่สุด กระทั่งการ 'ดูด' รวมพรรค มาเป็นลำดับ ยิ่งทำให้กลุ่มนักวิชาการ คนชั้นกลาง เชื่อว่า พรรคไทยรักไทย ต้องการที่จะยึด ส.ส. 400 ที่นั่งจริง และเชื่อว่ามีโอกาสเป็นไปได้สูง หลังพรรคชาติพัฒนา ยอมยุบรวมในที่สุด

ถ้าสังเกตให้ดี ยังเป็นช่วงใกล้เคียงกับ ที่ อภิรักษ์ โกษะโยธิน จากพรรคประชาธิปัตย์ ชนะเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ด้วย และเป็นชัยชนะที่สะท้อนภาวะ 'ขาลง' ใน กทม. ของ พ.ต.ท.ทักษิณ และ พรรคไทยรักไทย อีกต่างหาก

แล้วพรรคประชาธิปัตย์ ก็เสนอตัว เป็นฝ่ายค้านที่เข้มแข็ง ขอ '201 เสียง' เพื่อ 'ตรวจสอบ' และ 'ถ่วงดุล' อำนาจนายกฯได้ แต่ก็ยังไม่ถือว่า เป็นการเอาแน่ จริงจัง ชัดเจน

กระทั่งมาชูธงอีกครั้งช่วงนี้

ความจริง จะว่าเป็นการทิ้งไพ่ใบสุดท้ายในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ ก็คงไม่ผิด

เป็นการทิ้งไพ่ใบสุดท้าย หลังจากที่การหาเสียงเลือกตั้งเข้าโค้งสุดท้ายแล้ว ทว่ากระแสพรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่กระเตื้องขึ้นเลย โดยเฉพาะในเมือง ที่น่าจะทำได้ดีกว่านี้

นั่นเพราะสังคมขาดอารมณ์ร่วมที่จะเลือกพรรคประชาธิปัตย์ไปเพื่ออะไร มีอะไรที่เป็นจุดแข็งที่แตกต่างจากพรรคไทยรักไทย นี่เป็นที่มาขอการไม่มีกระแสตอบรับอะไรเลย

แต่คราวนี้น่าสนใจ เพราะอย่างน้อยที่สุด สถานการณ์ที่ เนวิน ชิดชอบ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถูกจับผิดโดย ถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ หาว่าใช้อำนาจบริหารเรียกประชุมข้าราชการ ที่ จ.สงขลา เพื่อขอให้สนับสนุนผู้สมัครส.ส.พัทลุงและสตูล พรรคไทยรักไทย

จริงอยู่ แม้ว่าข้อเท็จจริงเรื่องนี้กว่าจะพิสูจน์กันจนมีคำตัดสินชี้ขาดที่เป็นธรรมกับทุกฝ่ายออกมา ต้องใช้เวลานานกว่าจะรู้ผล แต่ว่าในทางสังคม ในภาพเดิมของผู้ที่ถูกกล่าวหา หรือแม้แต่การประโคมข่าว

แน่นอน, ย่อมไม่เป็นผลดีต่อ 'เนวิน' ไม่เป็นผลดีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ และย่อมส่งผลต่อพรรคไทยรักไทยในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น

เพราะประเด็นที่อาจถูกขยายผลตอกย้ำกับกระแสสังคมทั่วไป และคนชั้นกลาง ก็คือ การใช้อำนาจรัฐเพื่อให้ได้รับเลือกตั้งโดยไม่สนใจถูกผิด หรือการใช้อำนาจเงินเพื่อให้ได้รับเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว และหรือ ซื้อส.ส. ซื้อทุกอย่าง เพื่อให้ได้รับเลือกตั้ง

เหล่านี้ 'นายหัวชวน หลีกภัย' ปูทางมาให้สวยอยู่แล้ว

เหลือก็แต่ โยงให้นักวิชาการ คนชั้นกลางเห็นว่า ทั้งหมดทั้งปวงเพื่อต้องการ 400 ที่นั่งหนีการตรวจสอบของฝ่ายค้าน ไม่ว่ารัฐมนตรี หรือนายกฯ

เป็นการ 'แทงใจดำ' คนชั้นกลางเข้าอย่างจัง

เป็น 'ไพ่ใบสุดท้าย' ที่แม้แต่ไทยรักไทยก็ไม่อาจหยุดนิ่ง ต้องมีกลยุทธ์ตอบโต้ 'ขอเสถียรภาพ' ในการบริหารประเทศ

ถึงขนาดนั้น คิดดูแล้วกัน ส่วนว่าผลจะออกมาอย่างไร 6 กุมภาพันธ์ ก็รู้!