: หนองปลาปาก : ตำบลกวนวัน : ตำบลในเมือง : ตำบลค่ายบกหวาน : ตำบลบ้านเดื่อ : ตำบลพระธาตุบังพวน : ตำบลปะโค : ตำบลโพนสว่าง : ตำบลโพธิ์ชัย : ตำบลเมืองหมี : ตำบลมีชัย : ตำบลเวียงคุก : ตำบลวัดธาตุ : ตำบลสีกาย : ตำบลหาดคำ : ตำบลหนองกอมเกาะ : ตำบลหินโงม : ตำบลกุดบง : ตำบลชุมช้าง : ตำบลจุมพล : ตำบลทุ่งหลวง : ตำบลเซิม : ตำบลนาหนัง : ตำบลบ้านโพธิ์ : ตำบลบ้านผือ : ตำบลวัดหลวง : ตำบลสร้างนางขาว : ตำบลเหล่าต่างคำ : ตำบลกองนาง : ตำบลท่าบ่อ : ตำบลโคกคอน : ตำบลน้ำโมง : ตำบลนาข่า : ตำบลบ้านเดื่อ : ตำบลบ้านถ่อน : ตำบลโพนสา : ตำบลบ้านว่าน : ตำบลหนองนาง : ตำบลนาดี : ตำบลเฝ้าไร่ : ตำบลหนองหลวง : ตำบลวังหลวง : ตำบลอุดมพร : ตำบลบ้านต้อน : ตำบลนาทับไฮ : ตำบลพระบาทนาสิงห์ : ตำบลโพนแพง : ตำบลบ้านหม้อ : ตำบลรัตนวาปี : ตำบลพระพุทธบาท : ตำบลพานพร้าว : ตำบลแก้งไก่ : ตำบลบ้านม่วง : ตำบลนางิ้ว : ตำบลผาตั้ง : ตำบลสังคม : ตำบลโพนทอง : ตำบลด่านศรีสุข : ตำบลโพธิ์ตาก : ตำบลสระใคร : ตำบลบ้านฝาง : ตำบลคอกช้าง

วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ปีแห่งความคาดหวัง

แม่ไม้การเมือง / ไพศาล สังโวลี

ปีแห่งความคาดหวัง
เปิดศักราชขึ้นมา อารมณ์ร่วมของคอการเมืองก็ยังจับจ้องอยู่ที่บรรยากาศของการรณรงค์เลือกตั้ง

หลังจากปีที่แล้ว ถือว่าเพียงแค่ชิมลางหาเสียงไปก่อนเท่านั้น

ตกมาปีนี้ ต้องบอกว่าเริ่มเข้าสู่ชั่วโมงของการทำคะแนนกันอย่างจริงจัง

เราท่านจะได้เห็นความดุเด็ดเผ็ดมันในการหาเสียงของพรรคการเมืองต่างๆ ก็คราวนี้

ที่ว่าเข้าสู่ชั่วโมงของการทำคะแนนก็เพราะ หลังจากสภาผู้แทนราษฎรครบวาระ 4 ปีในวันที่ 5 มกราคม 2548

จากนั้น ตามแผนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) วันที่ 6 มกราคม จะมีพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ.2548

ลำดับต่อมา ช่วงระหว่างวันที่ 7-9 มกราคม เป็นวันรับสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในระบบบัญชีรายชื่อ หรือปาร์ตี้ลิสต์ วันที่ 10-14 มกราคม เปิดรับสมัคร ส.ส.ระบบเขต

มาถึงวันเลือกตั้ง วันที่ 29-30 มกราคม เปิดให้ลงคะแนนล่วงหน้านอกเขตเลือกตั้งและนอกเขตจังหวัด นั่นหมายรวมถึงการลงคะแนนในต่างประเทศด้วย

และวันที่ 6 กุมภาพันธ์ เป็นวันลงคะแนนเลือกตั้งทั่วไป พร้อมกันทั่วประเทศ

เมื่อเป็นเช่นนี้ อาจพูดได้ว่าพอศักราชใหม่ 2548 ขึ้นมา ในสมรภูมิเลือกตั้งก็เตรียมเริ่มนับถอยหลังได้แล้ว

ที่น่าสนใจในปี 2548 นี้ การเมืองจะมีความพลิกผันมากน้อยแค่ไหน

เพราะต้องยอมรับว่า ปี 2547 ที่ผ่านมา เป็นปีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และพรรคไทยรักไทย ชวนเซมากที่สุด นับแต่เป็นรัฐบาลมา หลังชนะเลือกตั้งเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2544

ทว่า กระแสความนิยม แม้จะลดลงไปบ้างในความรู้สึกของชนชั้นกลางในเมือง และในกรุงเทพมหานคร (กทม.) รวมถึงกลุ่มคนที่ใกล้ชิดข้อมูลข่าวสารทั้งหลาย แต่ประชาชนส่วนใหญ่ในชนบททั่วประเทศ (ยกเว้นภาคใต้) ความนิยมต่อพรรคไทยรักไทย ยังถือว่านำพรรคการเมืองอื่น

อันอาจวิเคราะห์ได้ว่า เพราะเหตุใด พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคไทยรักไทย จึง 'ขาลง' ไม่ลงสุด!

ลงแค่ทำให้เห็นอาการ หรือ เห็นอารมณ์ของสังคม เท่านั้น

ประการแรก ถือว่า 'แคนดิเดต' นายกรัฐมนตรี ยังหาใครเทียบ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้

ไม่ได้, เพราะคนดี เด่น ดัง ยังน้อยนักที่จะเข้ามาอาสาทำงานทางการเมือง

ส่วนที่มีอยู่ในแวดวงการเมือง ผลงานที่จะทำให้ประชาชนยอมรับก็ยังไม่มี หรือบางคน แม้จะเป็นคนดีมีความรู้ แต่ก็ยังไม่มีโอกาสที่จะได้แสดงความสามารถให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาประชาชน จึงต้องต่อสู้ฟันฝ่าเพื่อแสวงหาโอกาสต่อไป

ประการที่สอง วงการการเมืองปัจจุบัน ต้องยอมรับว่า คนดี มีฝีมือ ทั้งนักการเมือง นักธุรกิจ นักวิชาการ ถูกพรรคไทยรักไทย 'ดูด' เอาไปใช้งานอยู่แล้ว

เหลืออยู่ก็เพียงกระจัดกระจาย ปนอยู่กับพรรคการเมืองนั้นบ้าง พรรคการเมืองนี้บ้าง ไม่เป็นปึกแผ่นพอที่จะแสดงให้เห็นพลังทางปัญญาและความสามารถได้

ประการที่สาม พรรคไทยรักไทย ได้เปรียบคู่แข่งในทุกด้าน ทั้งกำลังทุน กำลังคน กลไกอำนาจ และเครือข่ายความร่วมมือ

จนทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ ยังเชื่อว่า พรรคไทยรักไทย เป็นพรรคการเมืองที่มีพลังที่สุด ที่จะนำพาประเทศฝ่ามรสุมในทุกๆ ด้านไปได้ เมื่อเทียบกับพรรคการเมืองคู่แข่ง 3 -4 พรรค ที่ถือว่าเป็นพรรคการเมืองใหญ่

ที่สำคัญ ภาวะ 'ผู้นำ' ของ พ.ต.ท.ทักษิณ แม้จะมีปัญหาอยู่บ้าง ในสายตาของกลุ่มคนที่คาดหวังจะให้ผู้นำ มีความนอบน้อมถ่อมตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอ่อนน้อมถ่อมตนที่จะรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น

แต่ความสามารถในการบริหารประเทศโดยทั่วไปแล้ว 4 ปีที่ผ่านมา ถือว่าสอบผ่านสบาย

ถ้าช่วงสั้นของต้นปีนี้ ไม่มีอะไรพลิกผัน จนถึงวันหย่อนบุตรเลือกตั้ง เชื่อว่า คงไม่มีอะไรผิดคาด ที่หลายคนวิเคราะห์กันมาตั้งแต่ปี 2547 แล้วว่า พรรคไทยรักไทยจะได้กลับมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอีกครั้ง

นั่นหมายถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ก็คือนายกรัฐมนตรี อีกสมัย

แต่เชื่อเถอะ ก่อนจะถึงวันนั้น ทุกคนต่างก็มีความคาดหวังของตัวเอง

พรรคการเมืองคู่แข่งไทยรักไทย ก็คาดหวัง ให้เกิดความพลิกผันทางการเมือง, กลุ่มคนที่ต้องการคานอำนาจทางการเมืองระบอบทักษิณ ก็คาดหวังให้พรรคคู่แข่งไทยรักไทย มีกระแสตีตื้นดีวันดีคืนขึ้นมาบ้าง

กลุ่มที่ต้องยอมรับกระแสประชาชนส่วนใหญ่ ก็ได้แต่คาดหวังว่า การกลับมาอีกครั้งของรัฐบาลทักษิณ จะไม่ทำให้สังคม 'ยี้' ได้ ไม่ว่ากรณีใดๆ ก็ตาม

เมื่อปี 2548 เป็นปีแห่งความคาดหวังสูงสุดของคนไทย เช่นนี้ ก็ช่วยทีเถิด อย่าให้คนไทยผิดหวังเลย!...สาธุ