บทความโดย โสภณ องค์การณ์
กะล่อนครองเมือง
การบริหารบ้านเมืองโดยนักธุรกิจการเมืองยุคนี้ แสดงให้เห็นถึงความแปลกใหม่กว่าสมัยก่อน เป็นการนำยุทธศาสตร์การตลาดจากภาคเอกชนมาใช้อย่างเต็มที่ เพื่อหวังผลอันสูงสุด แต่จะมุ่งเน้นเพื่อตัวเองและพวกพ้อง
เช่นเดียวกับการบริหารบริษัท คณะผู้บริหารจะจัดสรรผลประโยชน์ให้มากที่สุดสำหรับหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ทิ้งเศษไว้เล็กน้อยให้ผู้ถือหุ้น หากว่ามีกำไร หลังจากทุนบักโกรกสะสมระยะหนึ่ง
คณะกรรมการบริษัทมีผลตอบแทนอย่างงาม นอกเหนือจากสวัสดิการเช่นรถประจำตำแหน่ง เบี้ยประชุม โบนัส เงินรับรอง และประโยชน์อื่นๆ สารพัด รวมถึงกรรมการอิสระซึ่งไม่มีหุ้นเลยก็ได้
มาดูการบริหารประเทศ มีการใช้กลเม็ดการตลาดมาสร้างความนิยมเพื่อตัวเอง สร้างโครงการใหม่ๆ ด้วยข้ออ้างสวยหรู เมื่อเวลาผ่านไป หากชาวบ้านลืม ก็ยกเลิก และก็มีข้ออ้างสวยหรูอีกนั่นแหละ มาอธิบายให้คนเชื่อ
จัดว่าเป็นกลยุทธ์กะล่อน ปลิ้นปล้อน ร้อยลิ้นกะลาวน ศรีธนญชัยศาสตร์ดังที่ได้รับรู้มานั่นแหละ
เหมือนปาหี่กลางตลาด ล่อให้แม่ค้ามาตั้งแผง และชาวบ้านมาซื้อของ แบบนี้ฝรั่งเรียกว่าเป็นกลยุทธ์การตลาดหลอกต้มชาวบ้านเหมือนพวกหลอกขายน้ำมันงู หรือ Snake oil salesman นั่นแหละ
บ้านเราก็มีพวกหลอกขายน้ำมันจิ้งเหลน อ้างว่าถูแล้วจะช่วยขยายสัดส่วนของเจ้าโลกให้มีขนาดเป็นเจ้าจักรวาลนั่นแหละ
เพียงแต่ยุคนี้มีการหลอกให้ฉีดน้ำมันมะกอกหรือซิลิโคนจนทำให้เจ้าวโลกเน่า ดังที่มีข่าวว่านักการเมืองบ้านเราก็ 'อยากใหญ่' จนเน่าใกล้เสียทั้งดุ้น
วันก่อนซีอีโอใช้ยุทธศาสตร์เบนโลบอกกล่าวให้ชาวบ้านฟังหลังจากกลับมาจากเยือนเมืองมะริกัน ว่าจะเลิกโครงการเช่าพื้นที่สำหรับ 'ไทยแลนด์พลาซ่า' ในมหานครนิวยอร์ก เพราะคำนวณผลได้เสียแล้วไม่คุ้ม
ก่อนหน้านี้อ้างเหตุผลร้อยแปดปั่นหัวเป่าหูชาวบ้าน จะเอาสินค้าโอท็อปไปสู่ตลาดโลก เมื่อเทียบรายได้กับค่าเช่าพื้นที่แต่ละปีแล้ว เหมือนซื้อปลากะพงเอาเนื้อไปตกกุ้งฝอย ถ้าเป็นการบริหารบริษัทต้องรอวันเจ๊งประการเดียว
สินค้าโอท็อปก็เป็นยุทธศาสตร์แหกตาชาวบ้านเช่นกัน ไประดมแกมบีบให้ผู้ผลิตสินค้ามาแต่อ้อนแต่ออกมาเข้าร่วมโครงการ ถ้าใครขัดขืนก็เจอดี
แม้แต่พวกผู้ว่าฯ ถ้าไม่หนุนโอท็อป ก็เตรียมตัวโดนเด้งเข้ากรุได้เลย อย่างที่โดนกันมา 3-4 รายในการโยกย้ายครั้งล่าสุด
รอวันเจ๊งรอบใหม่ก็คือ โครงการดันทุรังขายบัตรไทยแลนด์อีลิทการ์ด คงนึกว่าฝรั่งมังค่ากินขนมปังทาเนยแล้วจะโง่กว่าพวกกินข้าวนึ่งกับแกงโฮะ
กลยุทธ์แหกตารวมถึงโครงการสร้างสะพานข้ามอ่าว เพราะถูกพับเก็บลงถังขยะไปแล้วอย่างน่าอนาถ สังเวยความบ้องตื้นของคนคิดค้นโครงการเพื่อประโยชน์อะไรก็สุดแล้วแต่ รับรองว่าชาวบ้านไม่ได้ดิบได้ดีอะไร
ก่อนหน้านั้นเถียงออกอาการจะเป็นจะตาย เอ็นคอโป่งเท่ารากมะพร้าว จะเอาท่าเดียว คงมีใครคำนวณรายได้ใต้โต๊ะสำหรับแบ่งปันกันเรียบร้อย ตามแผนยุทธศาสตร์งาบหนัก งาบเนียน
ล่าสุด เปิดโปงความบ้อท่าในโครงการพยุงราคาน้ำมันดีเซลจนเงินกองทุนน้ำมันติดลบไป 8.5 หมื่นล้านบาท ทั้งๆ ที่มีคนค้านกันแล้วว่าอย่าทำ จะส่งผลเสียในภายหลัง
แต่นักการเมืองก็ทำ เพราะต้องการหลอกชาวบ้านให้รีบซื้อรถปิกอัพรุ่นใหม่ จนยอดขายพุ่งหลายหมื่นคัน บริษัทรถยนต์โกยเงินอื้อซ่า พอตลาดใกล้อิ่มตัวก็เขยิบราคาดีเซลขึ้นไป เพราะอั้นไม่ไหว หนี้บานเบอะ
แต่ก็ยังไม่วายพยุงราคาดีเซลอยู่จนทุกวันนี้ คงจะหลอกล่อให้คนซื้อรถกระบะดีเซลต่อไป อย่างน้อยให้เห็นว่ามีราคาแตกต่างกันอยู่ 3-4 บาทต่อลิตร
นี่เป็นเพราะนักการเมืองมีผลประโยชน์เกี่ยวพันกับบริษัทรถยนต์ โดยเฉพาะกลุ่มรถยนต์บริษัทผู้ผลิตญี่ปุ่น
ตอนแรกก็อ้างว่าผู้ใช้ต้องเป็นผู้จ่าย จะมีการทยอยเพิ่มราคาดีเซล หักเอาเงินคืนกองทุน พอเวลาผ่านไป เมื่อชาวบ้านโดนเรื่องอื่นมากระชากความสนใจทำให้ลืมเลือน ก็ใช้วิธีออกตราสารหนี้ ซึ่งก็คือพันธบัตรออกขาย เอาเงินมาใช้หนี้แทนกองทุน
เห็นท่าว่าจะไปไม่รอด กลัวขายไม่หมด จะทำให้ขายหน้า ก็ต้องมาแก้มติคณะรัฐมนตรี ทำให้ไม่จำเป็นต้องออกพันธบัตรทั้งหมด แต่จะกู้ส่วนหนึ่งจากธนาคาร ไม่ต้องเสียหน้า
คราวนี้คนไม่ใช้ดีเซล ก็ต้องแบกรับภาระร่วมกับคนใช้ดีเซลด้วย ไม่มีรถก็ต้องจ่ายในรูปแบบภาษีต่างๆ หรือแม้แต่คนใช้เบนซิน แก๊สโซฮอล์ ก็ต้องร่วมแบ่งรับภาระด้วย
เป็นการแก้หน้าให้คนหน้าใหญ่ จะได้ไม่ต้องเสียเหลี่ยม!
ที่น่าเจ็บใจก็คือ ชาวบ้านก็ยังปล่อยให้พวกกะล่อนปลิ้นปล้อนหลอกลวงซ้ำซาก ไม่ยอมรู้สึกเจ็บแล้วจำ น่ากลัวจริงๆ อีกหน่อยพูดอะไรชาวบ้านคงเชื่อ เพราะหน้ามืดตามัวด้วยภาระหนี้สิน ค่าครองชีพโหดเนื่องมาจากน้ำมันแพง
ถึงจะบ้องตื้น หรือหลงใหลได้ปลื้มเขาแค่ไหนอย่างไร ก็อย่าหลงคารมจนล่มจม ยอมถอดกางเกงในให้เขาเอาไปจำนำ ได้เงินไปต่อยอดทำทุนการเมือง หวังอยู่ยาวนานอีกสมัยก็แล้วกันนิ! อิอิอิ!!!
: หนองปลาปาก : ตำบลกวนวัน : ตำบลในเมือง : ตำบลค่ายบกหวาน : ตำบลบ้านเดื่อ : ตำบลพระธาตุบังพวน : ตำบลปะโค : ตำบลโพนสว่าง : ตำบลโพธิ์ชัย : ตำบลเมืองหมี : ตำบลมีชัย : ตำบลเวียงคุก : ตำบลวัดธาตุ : ตำบลสีกาย : ตำบลหาดคำ : ตำบลหนองกอมเกาะ : ตำบลหินโงม : ตำบลกุดบง : ตำบลชุมช้าง : ตำบลจุมพล : ตำบลทุ่งหลวง : ตำบลเซิม : ตำบลนาหนัง : ตำบลบ้านโพธิ์ : ตำบลบ้านผือ : ตำบลวัดหลวง : ตำบลสร้างนางขาว : ตำบลเหล่าต่างคำ : ตำบลกองนาง : ตำบลท่าบ่อ : ตำบลโคกคอน : ตำบลน้ำโมง : ตำบลนาข่า : ตำบลบ้านเดื่อ : ตำบลบ้านถ่อน : ตำบลโพนสา : ตำบลบ้านว่าน : ตำบลหนองนาง : ตำบลนาดี : ตำบลเฝ้าไร่ : ตำบลหนองหลวง : ตำบลวังหลวง : ตำบลอุดมพร : ตำบลบ้านต้อน : ตำบลนาทับไฮ : ตำบลพระบาทนาสิงห์ : ตำบลโพนแพง : ตำบลบ้านหม้อ : ตำบลรัตนวาปี : ตำบลพระพุทธบาท : ตำบลพานพร้าว : ตำบลแก้งไก่ : ตำบลบ้านม่วง : ตำบลนางิ้ว : ตำบลผาตั้ง : ตำบลสังคม : ตำบลโพนทอง : ตำบลด่านศรีสุข : ตำบลโพธิ์ตาก : ตำบลสระใคร : ตำบลบ้านฝาง : ตำบลคอกช้าง
วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2553
กะล่อนครองเมือง
เขียนโดย
Thai Writer
ที่
01:29

ส่งอีเมลข้อมูลนี้BlogThis!แชร์ไปยัง Xแชร์ไปที่ Facebookแชร์ใน Pinterest