: หนองปลาปาก : ตำบลกวนวัน : ตำบลในเมือง : ตำบลค่ายบกหวาน : ตำบลบ้านเดื่อ : ตำบลพระธาตุบังพวน : ตำบลปะโค : ตำบลโพนสว่าง : ตำบลโพธิ์ชัย : ตำบลเมืองหมี : ตำบลมีชัย : ตำบลเวียงคุก : ตำบลวัดธาตุ : ตำบลสีกาย : ตำบลหาดคำ : ตำบลหนองกอมเกาะ : ตำบลหินโงม : ตำบลกุดบง : ตำบลชุมช้าง : ตำบลจุมพล : ตำบลทุ่งหลวง : ตำบลเซิม : ตำบลนาหนัง : ตำบลบ้านโพธิ์ : ตำบลบ้านผือ : ตำบลวัดหลวง : ตำบลสร้างนางขาว : ตำบลเหล่าต่างคำ : ตำบลกองนาง : ตำบลท่าบ่อ : ตำบลโคกคอน : ตำบลน้ำโมง : ตำบลนาข่า : ตำบลบ้านเดื่อ : ตำบลบ้านถ่อน : ตำบลโพนสา : ตำบลบ้านว่าน : ตำบลหนองนาง : ตำบลนาดี : ตำบลเฝ้าไร่ : ตำบลหนองหลวง : ตำบลวังหลวง : ตำบลอุดมพร : ตำบลบ้านต้อน : ตำบลนาทับไฮ : ตำบลพระบาทนาสิงห์ : ตำบลโพนแพง : ตำบลบ้านหม้อ : ตำบลรัตนวาปี : ตำบลพระพุทธบาท : ตำบลพานพร้าว : ตำบลแก้งไก่ : ตำบลบ้านม่วง : ตำบลนางิ้ว : ตำบลผาตั้ง : ตำบลสังคม : ตำบลโพนทอง : ตำบลด่านศรีสุข : ตำบลโพธิ์ตาก : ตำบลสระใคร : ตำบลบ้านฝาง : ตำบลคอกช้าง

วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2553

รำพึงในป่าช้าคนเป็น

บทความโดย โสภณ องค์การณ์

รำพึงในป่าช้าคนเป็น
ยุคสมัยของเหล่ากังฉินกินเมือง ผยองครองอำนาจสร้างพฤติกรรมชั่วร้าย ไร้หลักการและคุณธรรมโดยไม่ละอายฟ้าดินนั้น นับว่าเป็นสภาวะเลวร้ายสุดๆ ที่บ้านนี้ เมืองนี้ ต้องเผชิญชะตากรรม
ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ไม่ว่าจะเป็นวงการพ่อค้า ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ แม้แต่ในกลุ่มเอกชน หรือสื่อมวลชนก็ตามที ต่างพากันยอมศิโรราบต่ออำนาจ ละทิ้งเกียรติยศและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

ถ้าจะยอม เพราะกลัวเหตุผลอะไรก็สุดแล้วแต่ ไม่กล้าไปขวางเส้นทางของบรรดากังฉิน พยายามประคองตัวเองให้รอดจากการคุกคาม หวังว่าอีกไม่นานจะถึงยามฟ้าสว่าง

อ่า! วันนี้ขอบ่นปนรำพันแก้เซ็งก็แล้วกัน มองไปข้างหน้า การจะดิ้นรนคิดหาหนทางออกให้ประเทศพ้นจากอำนาจชั่วร้ายไม่ง่ายจริงๆ เพราะลงรากลึกเหลือเกิน

สิ่งที่พอจะช่วยประโลมใจให้มีความหวังก็คือ ประวัติศาสตร์ได้พิสูจน์ตลอดมาว่าอำนาจมืดไม่ได้เป็นนิรันดร์กาล หรือจีรังยังยืน ทุกอย่างย่อมมีวันเสื่อมสลาย บางช่วงเวลายาวนานเกินไปเท่านั้น

แต่มีบางกลุ่ม นอกจากจะยอมโดยเต็มใจหรือสถานการณ์จำเป็นบังคับแล้ว ยังแสดงความพร้อมที่จะเปลี่ยนท่าทีหรือหลักการของตนเอง ทุ่มเทเพื่อรับใช้อำนาจชั่วร้ายของเหล่ากังฉินกินเมือง ยอมทรยศตัวเอง

ถือว่าได้ขายจิตวิญญาณให้กับความชั่วร้าย ไม่คำนึงถึงผลเสียต่อครอบครัวและอนาคตของลูกหลาน

ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าลูกหลานของนักการเมืองกังฉิน หรือพวกทำตัวเป็นทรราชด้อยพัฒนานั้น มักถูกรังเกียจเดียดฉันท์ เพราะการลงโทษทางสังคม

แม้จะได้รับการผลักดันให้ก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่การงานโดยทรราชด้อยพัฒนารุ่นหลัง แต่ก็ยังไม่รุ่ง กลายเป็นตราบาปประทับไปชั่วชีวิต แม้ตัวเองจะไม่ได้เป็นผู้กระทำก็ตาม

"นี่ไง ลูกไอ้....นั่น" วิญญูชนย่อมตั้งข้อรังเกียจนักการเมืองกังฉิน แม้จะมีฐานะมั่งคั่ง กินดีอยู่ดี แต่ก็ไม่มีความสุขที่แท้จริง

นั่นเป็นเพราะเงินซื้อความสุขทางใจ เกียรติยศ หรือการยอมรับนับถือจากสังคมวิญญูชนไม่ได้

ดังนั้น น่าจะเป็นสิ่งที่เตือนใจว่าการยอมรับใช้กังฉิน ยกยอปอปั้นนักการเมืองประเภททรราชด้อยพัฒนา ทรยศต่อหลักการคุณธรรมเพื่อความรายได้ ไม่เป็นความสมบูรณ์ของชีวิตเสมอไป

ต่อหน้าคนก็ชื่นชม พอลับหลังคนพูดกันขรม "เดี๋ยวนี้เขาเปลี่ยนไปแล้ว ไม่เหลือหลักการที่เคยมีเหมือนแต่ก่อน"

เงินย่อมทำให้คนหน้ามืดตามัว เห็นกงจักรเป็นดอกบัว เห็นคนชั่วแต่มั่งคั่งกลายเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต

สังคมซีกหนึ่งในบ้านเรา จะใหญ่ขนาดไหนก็ช่างเถอะ ไม่คำนึงว่าใครจะได้เงินมาด้วยวิธีการอันใด เบื้องหลังเป็นอย่างไร ถ้าร่ำรวยแล้วก็สร้างความเกรงใจ ไปไหนคนก็พร้อมต้อนรับ

รู้ๆ กันอยู่ว่าคนนั้น คนนี้เป็นยี้ หรือกังฉินระดับแนวหน้า แต่ก็ยังมีคนไปสวามิภักดิ์ เพราะความมั่งคั่ง หนุนด้วยอำนาจการเมืองซึ่งสามารถบันดาลให้ใครมีโอกาสร้างความร่ำรวย

หรือจะปิดกั้นเส้นทาง ขัดขวางการทำมาหากินของใครก็ได้เช่นกัน โดยที่ไม่มีใครกล้าขวางเพราะกลัวภัยเข้ามาถึงตัว

ยุคนี้จึงเป็นการทดสอบมนุษย์ในแต่ละวงการว่าจะทนทานต่อสิ่งเย้ายวนในรูปแบบของโอกาสสร้างรายได้ ความร่ำรวย เพื่อแลกกับความเคารพในตัวเอง และจิตสำนึก ความรู้สึกแยกแยะว่าอะไรดีหรือชั่ว อะไรควรทำหรือไม่ควร

แล้วอนาคตของบ้านเมือง สังคมของเราจะเป็นอย่างไร?

น่าห่วง! เพราะโครงสร้างการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ถูกปรับเปลี่ยนให้ยอมรับความชั่วร้ายให้กลายเป็นธรรมชาติของมนุษย์

ข้าราชการยอมสยบ หากไม่รับใช้อำนาจอธรรม โอกาสที่จะถูกย่ำยี ไล่บี้ หรือถูกเก็บหมักดองเปรี้ยว ดองเค็มไว้ เป็นความแน่นอน

ดูการโยกย้ายข้าราชการช่วงที่ผ่านมาไม่กี่วัน ก็รู้ว่าระบบคุณธรรม การตอบแทนผู้กระทำความดี ถูกอำนาจชั่วร้าย ทำลายแทบไม่เหลือ

ยุคนี้ทำชั่วแล้วได้ดีจริงๆ นิ! อิอิอิ!!!