จากนิตยสารเนชั่นสุดสัปดาห์
'ไข่มุก' เม็ดนั้นร้าวและเศร้าหม่น
ไม่น่าเชื่อว่า 'ไข่มุกอันดามัน' เม็ดนี้ จะเปลี่ยนแปลงไปราวกับพลิกฝ่ามือ หลังคลื่นยักษ์เข้าถล่มเกาะเศรษฐกิจหมื่นล้านของเมืองไทย
ภูเก็ต เป็นจังหวัดหนึ่งทางภาคใต้ด้านตะวันตก ติดชายฝั่งทะเลอันดามัน มหาสมุทรอินเดีย และเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีพื้นที่ประมาณ 543 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ราว 862 กิโลเมตร เป็นเป้าหมายของนักท่องเที่ยวหลายพันหลายหมื่นคน ที่จะได้ไปสัมผัสกับความสวยงามของธรรมชาติ และความคึกคักของสีสันวันหยุดยามราตรี
ก่อนหน้านี้ข่าวดีของชาวภูเก็ตคือทางจังหวัดเตรียมทุ่มงบฯ 50 ล้านบาท สร้าง GATE WAY หรือประตูเมืองภูเก็ต เน้นสะท้อนเอกลักษณ์ท้องถิ่น ภายใต้แนวคิดการต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยความอบอุ่น
แต่ใครจะรู้ว่าช่วงสายของวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ภูเก็ตกลับกลายเป็นประตูต้อนรับ 'คลื่นยักษ์สึนามิ'!!
ตั้งแต่ หาดป่าตอง ชายหาดอันโด่งดัง หาดกมลา แหล่งรวมร้านค้าและบริษัทท่องเที่ยว หาดกะตะ อันเป็นที่ตั้งของโรงแรมที่พักนับหลายสิบแห่ง หาดในยาง ที่เหลือเพียงภาพของต้นสนรอความตาย และซากปะการังน้ำตื้น กระจัดกระจายไม่เหมือนเดิม และบางส่วนของหาดกะรน หาดไม้ขาว หาดในทอน หาดบางเทา หาดในหาน หาดราไวย์ ต่างโดนคลื่นยักษ์ซัดจำนวนหลายลูก ความสวยสดงดงามในอดีต เหลือเพียงซากเศษความสูญเสีย
กระทั่งทางจังหวัดได้ประกาศภาวะฉุกเฉิน เร่งอพยพประชาชนออกจากชายหาดต่างๆ และได้จัดตั้งศูนย์ประสานงานผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว จัดตั้งศูนย์รับบริจาคสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย ทั้งการติดตามหาผู้สูญหาย การค้นหาศพ และผู้บาดเจ็บ การจัดอาหารและน้ำดื่มไว้บริการสำหรับผู้อพยพ
มีการจัดตั้งศูนย์กลางรับผู้บาดเจ็บขึ้น 3 แห่ง คือที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต โรงพยาบาลกระบี่ และโรงพยาบาลพังงา เพื่อเป็นศูนย์กลางรองรับผู้บาดเจ็บหรือจมน้ำอย่างเต็มที่ และประกาศใช้แผนภัยธรรมชาติทางทะเล ทั้ง 3 จังหวัด
นอกจากนี้ทางโรงพยาบาลหาดใหญ่ โรงพยาบาลนครศรีธรรมราช และโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานีที่อยู่ใกล้เคียง ก็พร้อมให้ความช่วยเหลือเตรียมเจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาล สำรองเลือดห้องผ่าตัดไว้รองรับเหตุการณ์ครั้งนี้ตลอด 24 ชั่วโมง ด้านสายการบินในประเทศ เริ่มประสานงานการจัดเที่ยวบินพิเศษเพื่อลำเลียงผู้ประสบเหตุกลับบ้าน
แม้สถานการณ์ในภูเก็ต เริ่มคลี่คลาย ด้วยความช่วยเหลือจากทั่วทุกสารทิศของพี่น้องประชาชนชาวไทย ที่ไหลหลั่งสู่ผู้ประสบภัยอย่างไม่ขาดสาย แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่เพียงชีวิตและทรัพย์สินของหลายผู้เคราะห์ร้ายแล้ว สำหรับชาวภูเก็ต แหล่งที่มาของรายได้เป็นอันดับหนึ่ง คือ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ได้แก่ โรงแรม ร้านอาหาร บริษัทนำเที่ยว ร้านขายสินค้าที่ระลึก ซึ่งเหล่านี้นอกจากต้องได้รับผลกระทบอย่างหนักไปด้วยแล้ว
วิถีชุมชนประมง ก็ล่มสลายจนยากแก่การฟื้นฟูไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเพาะเลี้ยงปลา กุ้ง ปู หอยแมลงภู่ รวมถึงหอยมุก กระชังเลี้ยงปลา ประมาณความเสียหายเป็นที่น่าตกใจ เพราะอยู่ในระดับ 80-90%
นอกจากนี้บรรดาชาวประมงต่างได้รับความเสียหายมากมายนับไม่ถ้วน ต่อข้อนี้ นายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้วางมาตรการโดยได้ระดมกำลังเร่งกู้ซากเรือ และซ่อมแซมเรือประมง และได้ขออนุมัติจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือชาวประมง
โดยเฉพาะที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่ง เนวิน ชิดชอบ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงมาอำนวยการด้วยตนเอง เพื่อให้ประชาชนสามารถช่วยเหลือตนเองในเบื้องต้นได้โดยเร็ว นอกจากนี้ยังเตรียมขออนุมัติ ปรับเพิ่มอัตราค่าชดเชยเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย จากเดิมที่เป็นระเบียบเก่าใช้มากว่า 10 ปี โดยขณะนี้กำลังพิจารณาอัตราค่าชดเชยที่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน
0 0 0
แม้จะไม่มีเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ของชาวภูเก็ต เพราะบรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้าของผู้ประสบภัย และความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าของผู้ปฏิบัติงาน
อย่างไรก็ดี นับตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงวันนี้ ดูเหมือนว่าภูเก็ตเป็นจังหวัดที่ฟื้นตัวเร็วที่สุด จะด้วยเหตุผลเพราะความเข้มแข็งของภาคเอกชนในภูเก็ตเอง ที่ต่างช่วยกันเต็มที่ ตามที่ มท.1 ได้กล่าวไว้
หรือเพราะภูเก็ตได้รับผลกระทบจากคลื่นยักษ์น้อยกว่าจังหวัดอื่น เนื่องจากมีเกาะสุมาตราของอินโดนีเซีย บังแนวคลื่นและแรงสั่นสะเทือน ขณะที่ จ.พังงา และกระบี่ ได้รับผลกระทบรุนแรง เพราะเป็นพื้นที่น้ำตื้น และไม่มีเกราะกำบัง จึงทำให้เกิดความเสียหายมหาศาล ตามที่นายสมิทธิ ธรรมสโรช ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวจากญี่ปุ่น และภัยธรรมชาติจากประเทศไทย ได้สรุปมา
ประกอบกับที่ อุดมศักดิ์ อัศวรางกูร ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้รายงานสถานการณ์ล่าสุด ว่า 3 ใน 4 ของหาด คือ หาดกะตะ หาดกะรน หาดป่าตอง และหาดสุรินทร์ สามารถเปิดให้กลับไปท่องเที่ยวได้ตามปกติ
สอดคล้องกับที่ ปมุข อัจฉริยะฉาย ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต ที่เชื่อว่าในฤดูการท่องเที่ยวปีนี้ ยังจะมีนักท่องเที่ยวมาภูเก็ตประมาณร้อยละ 40-50 และจะกลับมาเหมือนเดิมร้อยเปอร์เซ็นต์ ในฤดูท่องเที่ยวหน้า
นอกจากนี้ ทางรัฐบาลหลังจากที่นายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หลังจากได้เดินทางไปที่จังหวัดภูเก็ตแล้ว เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไข และเยียวยาผลกระทบที่ได้รับจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์ถล่ม
จึงเตรียมที่จะทำการจัดระเบียบชายหาดภูเก็ต ฟื้นฟูชายหาดป่าตอง โดยได้สั่งการให้ทางจังหวัดประสานงานกับเทศบาลเพื่อช่วยเหลือร้านค้าและบ้านเรือน โดยจะให้มีการออกเอกสารสิทธิเพื่อแปลงสินทรัพย์เป็นทุนให้กับผู้ประสบภัย
ส่วนการซ่อมแซมบ้านเรือนจะให้ใช้วิธีการจัดซื้อแบบพิเศษ ไม่ต้องมีการประมูล เพื่อความรวดเร็วสำหรับการเข้าไปจัดระเบียบหาด ตามเป้าหมายภายใน 2 เดือน จะต้องพยายามทำให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติได้มากที่สุด
ทั้งหมด ทั้งมวลนั้น อย่าลืมว่า สิ่งหนึ่งที่สำคัญ คือ การเร่งฟื้นฟูช่วยเหลืออย่างเต็มที่ และเท่าเทียม ควรที่ต้องดำเนินต่อไป ไม่ว่าจะเป็น ภูเก็ต ตรัง พังงา กระบี่ สตูล ระนอง ที่ต่างเจ็บปวดสูญเสียไม่แพ้กัน!!
: หนองปลาปาก : ตำบลกวนวัน : ตำบลในเมือง : ตำบลค่ายบกหวาน : ตำบลบ้านเดื่อ : ตำบลพระธาตุบังพวน : ตำบลปะโค : ตำบลโพนสว่าง : ตำบลโพธิ์ชัย : ตำบลเมืองหมี : ตำบลมีชัย : ตำบลเวียงคุก : ตำบลวัดธาตุ : ตำบลสีกาย : ตำบลหาดคำ : ตำบลหนองกอมเกาะ : ตำบลหินโงม : ตำบลกุดบง : ตำบลชุมช้าง : ตำบลจุมพล : ตำบลทุ่งหลวง : ตำบลเซิม : ตำบลนาหนัง : ตำบลบ้านโพธิ์ : ตำบลบ้านผือ : ตำบลวัดหลวง : ตำบลสร้างนางขาว : ตำบลเหล่าต่างคำ : ตำบลกองนาง : ตำบลท่าบ่อ : ตำบลโคกคอน : ตำบลน้ำโมง : ตำบลนาข่า : ตำบลบ้านเดื่อ : ตำบลบ้านถ่อน : ตำบลโพนสา : ตำบลบ้านว่าน : ตำบลหนองนาง : ตำบลนาดี : ตำบลเฝ้าไร่ : ตำบลหนองหลวง : ตำบลวังหลวง : ตำบลอุดมพร : ตำบลบ้านต้อน : ตำบลนาทับไฮ : ตำบลพระบาทนาสิงห์ : ตำบลโพนแพง : ตำบลบ้านหม้อ : ตำบลรัตนวาปี : ตำบลพระพุทธบาท : ตำบลพานพร้าว : ตำบลแก้งไก่ : ตำบลบ้านม่วง : ตำบลนางิ้ว : ตำบลผาตั้ง : ตำบลสังคม : ตำบลโพนทอง : ตำบลด่านศรีสุข : ตำบลโพธิ์ตาก : ตำบลสระใคร : ตำบลบ้านฝาง : ตำบลคอกช้าง
วันอังคารที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2553
'ไข่มุก' เม็ดนั้นร้าวและเศร้าหม่น
เขียนโดย
Thai Writer
ที่
04:55

ส่งอีเมลข้อมูลนี้BlogThis!แชร์ไปยัง Xแชร์ไปที่ Facebookแชร์ใน Pinterest
เรื่องน่าสนใจเกี่ยวเนื่องกัน:
ป้ายกำกับ:
บทความพิเศษ