: หนองปลาปาก : ตำบลกวนวัน : ตำบลในเมือง : ตำบลค่ายบกหวาน : ตำบลบ้านเดื่อ : ตำบลพระธาตุบังพวน : ตำบลปะโค : ตำบลโพนสว่าง : ตำบลโพธิ์ชัย : ตำบลเมืองหมี : ตำบลมีชัย : ตำบลเวียงคุก : ตำบลวัดธาตุ : ตำบลสีกาย : ตำบลหาดคำ : ตำบลหนองกอมเกาะ : ตำบลหินโงม : ตำบลกุดบง : ตำบลชุมช้าง : ตำบลจุมพล : ตำบลทุ่งหลวง : ตำบลเซิม : ตำบลนาหนัง : ตำบลบ้านโพธิ์ : ตำบลบ้านผือ : ตำบลวัดหลวง : ตำบลสร้างนางขาว : ตำบลเหล่าต่างคำ : ตำบลกองนาง : ตำบลท่าบ่อ : ตำบลโคกคอน : ตำบลน้ำโมง : ตำบลนาข่า : ตำบลบ้านเดื่อ : ตำบลบ้านถ่อน : ตำบลโพนสา : ตำบลบ้านว่าน : ตำบลหนองนาง : ตำบลนาดี : ตำบลเฝ้าไร่ : ตำบลหนองหลวง : ตำบลวังหลวง : ตำบลอุดมพร : ตำบลบ้านต้อน : ตำบลนาทับไฮ : ตำบลพระบาทนาสิงห์ : ตำบลโพนแพง : ตำบลบ้านหม้อ : ตำบลรัตนวาปี : ตำบลพระพุทธบาท : ตำบลพานพร้าว : ตำบลแก้งไก่ : ตำบลบ้านม่วง : ตำบลนางิ้ว : ตำบลผาตั้ง : ตำบลสังคม : ตำบลโพนทอง : ตำบลด่านศรีสุข : ตำบลโพธิ์ตาก : ตำบลสระใคร : ตำบลบ้านฝาง : ตำบลคอกช้าง

วันอังคารที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2553

รู้ทันกังฉิน 2005 รู้ทันแบบ 'คนคาบไปป์'

จากนิตยสารเนชั่นสุดสัปดาห์

รู้ทันกังฉิน 2005 รู้ทันแบบ 'คนคาบไปป์'
หากจะเรียกเป็นปฏิบัติการล่าคนพันธุ์โกง ต่อไปนี้คงเป็นอีกหนึ่งปฏิบัติการนั้น และคงเป็นการต่อสู้ในระบอบประชาธิปไตยดังที่ นาวาอากาศตรี ประสงค์ สุ่นศิริ ได้กล่าวไว้

"ต่อไปแม้จะไม่ได้เขียนหนังสือพิมพ์แล้ว แต่ยังจะไม่ยุติบทบาทในการต่อสู้กับเผด็จการที่ทำให้บ้านเมืองเสียหาย ผมมีวิธีการของผม ซึ่งเป็นวิธีการในระบอบประชาธิปไตย ขอให้ดูต่อไป"

ถ้อยคำนี้พรั่งพรูออกมา เมื่อ 21 กันยายน 2547 วันสุดท้ายของการเป็นผู้ถ่ายทอดตัวหนังสือลงบนหน้า 3 ของหนังสือพิมพ์แนวหน้า ในคอลัมน์ 'น.ต.ประสงค์พูด' หลังประกาศวางปากกา ด้วยเหตุผลที่เจ้าตัวบอกว่าเจอพิษทักษิณ พร้อมกับทิ้งงานเขียนชิ้นสุดท้ายไว้ในชื่อ 'กังฉินกินเมือง'

ที่สุดจึงกลายมาเป็น 'รู้ทันกังฉิน' พอกเก็ตบุ๊ค ขนาด 280 หน้า รวบรวมบทความเกี่ยวกับการทุจริตคดโกง ที่ น.ต.ประสงค์ได้เขียนเรื่อยมาในหนังสือพิมพ์แนวหน้าดังกล่าว

"ผมเขียนหนังสือเล่มนี้เพื่ออะไร เรียนอย่างตรงไปตรงมาว่า ผมรับราชการมา 40 กว่าปี ทั้งฝ่ายประจำและฝ่ายการเมือง เป็นมาหมด แต่ไม่เคยเห็นยุคสมัยใด มันจะเลวร้ายเท่ากับ 3-4 ปีมานี้ โดยเฉพาะในเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นที่เป็นลักษณะทุจริตเชิงนโยบาย ซึ่งมีมากที่สุด"

0 0 0

กรุ่นกลิ่นยาเส้นจากไปป์ชั้นดีของบุรุษ วัย 77 โชยขึ้นในห้องหนึ่งของโรงแรมอิมพีเรียล ธารา สุขุมวิท 26 ใจกลางกรุงเทพฯ ในบรรยากาศ จิบน้ำชา-พูดคุยกับสื่อมวลชนถึงหนังสือเล่มนี้ที่ถือฤกษ์เปิดตัวอย่างเรียบง่ายในบ่ายวันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม และปรากฏบนแผงหนังสือไปแล้วในวันธรรมดาอย่าง 3 มกราคม ที่ผ่านมา แต่หากใครจะว่าไม่ธรรมดา ก็เห็นจะเป็นเพราะอยู่ในช่วงใกล้เลือกตั้ง โดยเฉพาะกับหนังสือแนว 'รู้ทัน' นั่นเอง

"ใครจะมองอย่างไรก็แล้วแต่ ถ้าอ่านหนังสือของผมทั้ง 4 ภาค จะเห็นว่าความตั้งใจคือชี้ให้สังคมเห็นถึงความไม่ดีของคนมีอำนาจแล้วทุจริตคดโกง ซึ่งเรื่องคนขี้โกง คนไม่ซื่อสัตย์ มันพูดได้ทุกเมื่อ พูดสมัยไหนมันก็ถูกต้องทุกสมัย"

4 ภาคใหญ่ๆ คือภาคที่ 1.ชาดกการเมือง ภาคที่ 2.กังฉินกินเมือง ภาคที่ 3.จุดจบของนักโฆษณาชวนเชื่อ ภาคที่ 4.ไฟใต้ยุคทักษิณในมุมมองของอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช.

"ภาคแรกเป็นการเปรียบเทียบโดยยกชาดกก็ดี นิทานก็ดี หรือเรื่องราวในอดีตของบางชาติที่เขาบันทึกเป็นประวัติศาสตร์มาเขียน ทำให้หวนนึกถึงเรื่องใกล้ตัวการเมืองยุคที่ผู้นำทะนงตนดั่งเทวดา จึงต้องอาศัยหลักธรรมะ เป็นชาดกการเมือง สอนเทวดา"

เป็นการพาไปรู้จักกับบุคคลทั้งที่เคยมีชีวิตอยู่ เช่น ผู้นำชาติต่างๆ ที่วนเวียนอยู่ในวังวนของการทุจริตคอร์รัปชั่น และจากนิทานหรือพงศาวดารอย่าง สามก๊ก เช่น ตั๋งโต๊ะ ทรราชที่ไม่อยู่ในจริยธรรม ฆ่าคนอย่างสนุกสนาน แผ่นดินเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า รวมทั้งวิกฤติบ้านเมืองในยุค โจโฉครองเมือง ที่หลายคนรู้จักดีว่า โจโฉ นั้น คือบุรุษผู้ยอมทรยศคนทั้งโลก แต่ไม่ยอมให้โลกทรยศตน

ภาค 2 รู้ทันกังฉิน ว่าด้วยเรื่อง 'กังฉินกินเมือง' กลวิธีและอุบายในการใช้อำนาจที่ทำให้คนรวยหนี้ท่วมบ้านท่วมเมือง พร้อมยกตัวอย่างจริงใกล้ตัว เรื่องธุรกิจผลประโยชน์ของนักการเมืองฝ่ายไทยบนแผ่นดินพม่า ชี้ให้เห็นสถานการณ์ 'ใต้เงื้อมมือโจร'

มาถึงภาค 3 จุดจบของนักโฆษณาชวนเชื่อ เป็นการศึกษาค้นคว้าและคาดการณ์บทสรุปแห่งชีวิตของกังฉินทั่วหล้าจากยุโรปถึงเอเชีย ว่า 'เหมือนกันอย่างกับแกะ' และ 'มีหนวดหรือไม่มีหนวดก็เผด็จการได้' ไล่เรียงมาจนถึง 'กังฉินใกล้ตัว' ที่สุดท้ายจะมีจุดจบอย่างไร ตั้งแต่ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ กับ เบนิโต มุสโสลินี ในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง ซิลวิลโญ เบอร์ลุสโคนี ในอิตาลี นิโคไล เชาเชสกู ในโรมาเนีย จนกระทั่งถึงยุคใกล้ๆ อย่างในเอเชีย เช่น เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ในฟิลิปปินส์

"กังฉินคือคนที่ทุจริตคดโกง ไม่ซื่อสัตย์ไม่ซื่อตรง ซึ่งในภาคนี้ผมจะชี้ให้เห็นว่า คนที่ดำเนินการอย่างกังฉิน จุดจบเขาเป็นอย่างไร ตัวละครแต่ละตัวที่ผมยกมานั้น คนพวกนี้ที่ได้ทำลาย และทำความเสียหลายให้กับสังคม จุดจบของพวกเขาก็ล้วนมีลักษณะที่ไม่มีความสง่างามอะไรเลย เสียหายหมดทั้งวงศ์ตระกูล"

สุดท้ายคือ ภาค 4 ที่ผู้เขียนภูมิใจเสนอมากไม่แพ้ภาคอื่น คือ 'ไฟใต้ยุคทักษิณ' ในมุมมองของอดีตเลขาธิการสมช. ผู้เชี่ยวกรากอยู่ในยุคสงครามเย็นและยุคคอมมิวนิสต์ ชี้ให้เห็นถึงวิกฤติของความมั่นคงที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จากจุดเริ่มที่ความอวดดีของคนบางคน นำมาสู่ 'ไฟใต้จะยิ่งลุกโชนขึ้น' ได้อย่างไร ทางออกจะเป็นอย่างไร อะไรบ้างที่คนไทยยังไม่รู้

"เรื่องภาคใต้เป็นเรื่องที่ผมอยากเขียนมาก เป็นเรื่องซึ่งพิเศษจริงๆ ที่ผมได้เขียนจากข้อเท็จจริง ข้อมูลที่รวบรวมมากลั่นกรอง วิเคราะห์แล้วว่ามูลสาเหตุต่างๆ นั้น มันมาจากอะไร และแนวทางแก้คืออะไร 3-4 ปีที่ผ่านมา ถ้าเขียนเป็นกราฟ ความรุนแรงมันจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ก่อนหน้านี้ ถ้าเขียนเป็นกราฟ มันจะค่อยๆ ลดลงมา แล้วมันมาขึ้นสูงอีก เพราะอะไร"

สาเหตุของปัญหาชายแดนภาคใต้ที่น.ต.ประสงค์นำเสนอเพื่อบอกผ่านมาสู่สังคมก็คือ การใช้นโยบายบริการจัดการในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่สันติวิธี และความเข้าถึง-เข้าใจเป็นหัวใจหลัก ดังที่เขาเคยเปรียบเทียบผู้ก่อความไม่สงบเป็นผึ้งป่าที่พิษสงรุนแรงกว่าผึ้งเลี้ยง ว่า หากอยากกินน้ำผึ้งป่าก็ต้องอาศัยชาวบ้านในที่นั้นให้ช่วยหา จะอาศัยชาวบ้านก็ต้องทำให้ชาวบ้านไว้วางใจ จะทำให้ชาวบ้านเขาไว้ใจรักใคร่ได้ ก็ต้องเข้าใจให้ลึกซึ้งถึงพื้นฐานทางจิตใจ ขนบธรรมเนียมประเพณี

"หาน้ำผึ้งป่าไม่ใช่ของง่าย อวดเก่งเดินเข้าไปหาเองย่อมถูกกัด ต่อยตีหูตาบวมกลับมา ดีไม่ดีตายเอาได้"

0 0 0

'รู้ทันกังฉิน' เล่มนี้ อาจเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งใน คอลเลคชั่น 'รู้ทันทักษิณ' เพราะจับมือกับสำนักพิมพ์ขาประจำอย่าง 'ฃอคิดด้วยฅน' แต่ใครจะมองว่าเป็นอีกหนึ่งปฏิบัติการของคู่แค้นเก่านายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยาวนานนับหลายยุคสมัย ถึงขนาดได้รับเกียรติว่าเป็น ปีศาจคาบไปป์ ผู้โชกโชนกับการโค่นล้มบุคคลที่อยู่ในแบล็คลิสต์หรือคู่อริทางการเมือง ด้วยยุทธวิธีชวนขนลุกแบบ 'อะไรก็ได้ ขอให้ชนะ'

แต่ในยุคที่บ้านเมืองอยู่ในบรรยากาศที่หลายฝ่ายรับไม่ได้กับการบริหารแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของรัฐบาลชุดนี้ หรือ 'ในยามที่อำนาจตรวจสอบจาก ตงฉิน อ่อนแอลง' ดังที่ปรากฏในคำนำสำนักพิมพ์ สำหรับเล่มนี้แล้ว ผู้เขียนขอบอกว่าสมควรเป็นเจ้าของ

และที่เด็ดสุดๆ ซึ่งคาดว่าจะตามมาติดๆ ขออนุญาตเรียกว่า 'ท็อปเทน โคตรโกง' เปิดโปงพฤติกรรมโกงทั่วโลกในยุคอดีตจนถึงปัจจุบัน โดยเรียงลำดับ 1-10 ที่เจ้าตัวบอกว่าจวนเสร็จแล้ว

"ขณะนี้จัดได้แล้ว 9 คน ส่วนอีกคนนั้นยังไม่ได้จัดไว้ว่าจะอยู่อันดับที่ 1 หรือไม่ เพราะคนนี้พูดอย่างทำอย่าง หากคนที่โกงเหล่านี้ยังมีชีวิตอยู่ ป่านนี้ก็คงหาหนทางมาประเทศไทย อาจจะมาเยี่ยมหรือมาคำนับใครบางคนที่พวกเขาโกงสู้ไม่ไหว เพราะคนนั้นเขามีเทคนิค และพัฒนาไปได้ไกลตามยุคดิจิทัล"

แถมให้ผู้อ่านได้ร่วมสนุกโดยการตอบคำถามมาว่าที่เรียงลำดับนั้นถูกต้องหรือไม่

"รางวัลผมไม่ใช่อะไรหรอกครับ คือผมจะไปขอบคุณท่านถึงบ้านเลยว่าท่านเข้าใจถูกต้อง แต่อ่านจบแล้วกด 00 มาตอบ ใช้ของค่ายดีแทคก็แล้วกัน"

เสียงหัวเราะหึในลำคอดังเบาๆ พร้อมกับละอองจางๆ ของควันยาเส้นลอยออกมาจากเจ้าของสายตา ที่มองออกไปราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างที่สุดจะจินตนาการ...