: หนองปลาปาก : ตำบลกวนวัน : ตำบลในเมือง : ตำบลค่ายบกหวาน : ตำบลบ้านเดื่อ : ตำบลพระธาตุบังพวน : ตำบลปะโค : ตำบลโพนสว่าง : ตำบลโพธิ์ชัย : ตำบลเมืองหมี : ตำบลมีชัย : ตำบลเวียงคุก : ตำบลวัดธาตุ : ตำบลสีกาย : ตำบลหาดคำ : ตำบลหนองกอมเกาะ : ตำบลหินโงม : ตำบลกุดบง : ตำบลชุมช้าง : ตำบลจุมพล : ตำบลทุ่งหลวง : ตำบลเซิม : ตำบลนาหนัง : ตำบลบ้านโพธิ์ : ตำบลบ้านผือ : ตำบลวัดหลวง : ตำบลสร้างนางขาว : ตำบลเหล่าต่างคำ : ตำบลกองนาง : ตำบลท่าบ่อ : ตำบลโคกคอน : ตำบลน้ำโมง : ตำบลนาข่า : ตำบลบ้านเดื่อ : ตำบลบ้านถ่อน : ตำบลโพนสา : ตำบลบ้านว่าน : ตำบลหนองนาง : ตำบลนาดี : ตำบลเฝ้าไร่ : ตำบลหนองหลวง : ตำบลวังหลวง : ตำบลอุดมพร : ตำบลบ้านต้อน : ตำบลนาทับไฮ : ตำบลพระบาทนาสิงห์ : ตำบลโพนแพง : ตำบลบ้านหม้อ : ตำบลรัตนวาปี : ตำบลพระพุทธบาท : ตำบลพานพร้าว : ตำบลแก้งไก่ : ตำบลบ้านม่วง : ตำบลนางิ้ว : ตำบลผาตั้ง : ตำบลสังคม : ตำบลโพนทอง : ตำบลด่านศรีสุข : ตำบลโพธิ์ตาก : ตำบลสระใคร : ตำบลบ้านฝาง : ตำบลคอกช้าง

วันอังคารที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ปากคำ 'ทมยันตี' "ความผิดของดิฉัน มีข้อเดียวก็คือ รักแผ่นดิน"

สัมภาษณ์พิเศษ / อิสรีอิน คัดลอกจาก นิตยสารเนชั่นสุดสัปดาห์
ปากคำ 'ทมยันตี' "ความผิดของดิฉัน มีข้อเดียวก็คือ รักแผ่นดิน"
"รางวัลศิลปินแห่งชาติ ลืมเสียเถอะค่ะ ดิฉันไม่สนใจนะคะ..ตุ๊กตาทองในการเขียนวรรณกรรมรับจากพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ดิฉันยังจะต้องการอะไรอีก ยศถาบรรดาศักดิ์ รับจากพระเจ้าอยู่หัวฯ พระนางเจ้าฯ มีพระเสาวนีย์ประทาน ดิฉันยังจะต้องการอะไรอีก"
*************************
ขณะที่คนอื่นๆ ในแวดวงนักเขียนมองว่าปีนี้ช่างดูเป็นปีทองของ ทมยันตี หรือนามจริงว่า วิมล ศิริไพบูลย์ เหลือเกิน เพราะมองไปทางไหนก็ดูจะมีกิจกรรมเกี่ยวกับนักเขียนหญิงอาวุโสท่านนี้ไปแทบทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเป็นด้านงานเขียนนวนิยายที่ปี 2548 นี้ จะมีผลงานครบ 100 เล่ม (จาก 4 นามปากกา ในระยะเวลาทั้งหมด 55 ปี)
หรือการจัดให้มีรางวัล 'ทมยันตีอวอร์ด' เพื่อค้นหาเพชรเม็ดงามแห่งวงการนักเขียนนวนิยายมืออาชีพ ซึ่งริเริ่มขึ้นเป็นปีแรกแล้ว
วันฉัตรมงคลปีนี้ 'ทมยันตี' ยังได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จตุตถจุลจอมเกล้า ได้รับคำนำหน้านามว่า 'คุณหญิง' อีกด้วย กลายเป็นคุณหญิงใหม่แห่งวงการน้ำหมึกบ้านเราอีกคนหนึ่ง
แต่สำหรับเจ้าตัวแล้ว บอกเพียงว่า นั่นเป็นผลของการทำงานต่างหาก
โดยเฉพาะงานที่เรียกว่า 'ทำเพื่อแผ่นดิน' ในฐานะ 'ข้าแผ่นดิน' อย่างแท้จริง!!
เพราะแม้ว่าจะได้รับเกียรติยศแห่งชีวิตไปแล้ว แต่ 'คุณหญิงวิมล' ก็ขอให้เรียกอย่างเป็นกันเองว่า ทมยันตี หรือไม่ก็ ป้าอี๊ด เช่นเดิม และยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง
งานที่ว่านั้น ก็คือ การเขียนสคริปต์ไลท์แอนด์ซาวนด์งานครบรอบ 400 ปี การเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่จัดกันอย่างยิ่งใหญ่ในจังหวัดพิษณุโลกเมื่อ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมานั่นเอง
และต่อด้วยงานเททองหล่อพระประธานศิลปะสุโขทัย 'พระรัตนพุทธพิชิตมาร' ที่ จ.อุดรธานี เมื่อวิสาขบูชา 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา หลังจากที่ได้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิปัญญาธโร และทำงานบุญมาหลายปีแล้ว ไม่ว่าจะเป็น เททองหล่อพระ สร้างเมรุ ฯลฯ โดยมี แม้ว-ประพนธ์ วิพัฒนพร ผู้จัดการนักเขียนซึ่งป้าอี๊ดเรียกชื่อติดปากว่า 'ภูเตศวร' คอยเป็นธุระดูแลให้ (ซึ่งงานเททองหล่อพระครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายก็ได้ เพราะถือว่าคนทำต่างคนต่างสูงวัยกันแล้ว)
เมื่องานบุญสำเร็จเสร็จสิ้นไปตามที่ตั้งใจไว้แล้ว ทมยันตี และ ภูเตศวร ก็ได้เวลาลุยงานใหญ่กันเสียที
นั่นคือ การเดินสายไปถ่ายทอดกลวิธีในการเขียนนวนิยาย ภายใต้โครงการ 'ถนนสู่ดวงดาวสู่วิชาชีพนักเขียน' รวมทั้งหมด 11 ครั้ง ใน 11 จังหวัดด้วยกัน ตั้งแต่ 9 มิถุนายน - 19 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ ในแบบเต็มวัน (10.00-19.00 น.) ซึ่งระหว่างการเดินสายนี้เจ้าของงานจะมีอายุครบ 68 ปีพอดีในวันที่ 10 กรกฎาคม
เดือนมิถุนายน 6 ครั้งด้วยกัน ประเดิมวันที่ 9 มิถุนายนที่ จ.นครราชสีมา (เดอะมอลล์) ต่อด้วยวันที่ 15 จ.อุบลราชธานี (ม.อุบลฯ) วันที่ 17 จ.ขอนแก่น (ม.ขอนแก่น) วันที่ 21 จ.พิษณุโลก (ม.ราชภัฏพิบูลสงคราม) วันที่ 24 จ.เชียงใหม่ (ม.เชียงใหม่) และ วันที่ 28 จ.เชียงราย (ม.ราชภัฏเชียงราย)
และในเดือนกรกฎาคมอีก 5 ครั้ง วันที่ 2 กรุงเทพฯ (ม.ศรีปทุม) วันที่ 8 จ.สงขลา (ม.สงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่) วันที่ 12 จ.ภูเก็ต (ม.ราชภัฏภูเก็ต) วันที่ 15 จ.นครศรีธรรมราช (ม.ราชภัฎนครศรีธรรมราช) และปิดท้ายในวันที่ 18 ที่ จ.ชลบุรี (ม.บูรพา)
นัก (อยาก) เขียนที่สนใจก็ไปเก็บเกี่ยวกลเม็ดเคล็ด (ไม่) ลับครั้งนี้ได้ เพราะอย่างครั้งที่จัดในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติฯ ที่ผ่านมา ก็เล่าได้อย่างน่าติดตามทั้งวิธีการเขียน ตั้งแต่การเลือกเรื่อง ไปจนถึงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของนวนิยายแต่ละแนว พร้อมกับยกผลงานมาเป็นตัวอย่างหลายสิบเล่มอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ จนหลายคนเคลิ้มและอดใจไม่ไหวต้องออกไปซื้อหนังสือตามที่คนพูดได้แนะนำไว้ทันที จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมถึงมีคนยกให้เป็น 'นักพูด' อีกตำแหน่งหนึ่ง
แต่จะให้ครบเครื่องแล้ว อย่าลืม หนังสือ-วีซีดี 'กลวิธีการเขียนนวนิยายสไตล์ทมยันตี' ที่ ภูเตศวร บรรจงเรียบเรียงจากการบรรยายกว่า 40 ชั่วโมงออกมาเป็นตัวหนังสือ พร้อมด้วยวีซีดีที่นอกจากแนะนำการเขียนแล้ว ยังจะเห็นว่าทมยันตีเติบโตมาพร้อมการอบรมอย่างไรถึงได้เป็นนักเขียนได้ ตลอดจนไลฟ์สไตล์ของทมยันตีที่หาดูได้ยากอีกด้วย
"ผู้อ่านจะเพลินและได้รับความรู้เพราะถอดออกมาจากชีวิตจริง ๆ ของทมยันตี"
ภูเตศวรยืนยัน พร้อมบอกด้วยว่าผลงานของทมยันตียังไม่จบแค่นี้ เพราะเขาเองตั้งใจไว้อีกว่า ภายใน 2 ปีก่อนการบวชตลอดชีวิตของเขานั้น เขาจะพยายามจัดทำผลงานของทมยันตีออกมาเป็นภาษาอังกฤษด้วย ภายใต้สำนักพิมพ์เดอะวันพับลิชชิ่ง ซึ่งเป็นสำนักพิมพ์ใหม่ใครเครือ ณบ้านวรรณกรรม
นำร่องโดย คู่กรรม และต่อด้วยงานในแนวจิตวิญญาณ และอิงประวัติศาสตร์ ซึ่งถือเป็นงานที่โดดเด่นที่สุดของทมยันตี
นอกจากทำหน้าที่ผู้จัดการเป็นอย่างดีแล้ว ภูเตศวรยังเป็นผู้ถ่ายทอดความตั้งใจของทมยันตีได้เป็นอย่างดีอีกด้วย หลังจากสร้างงานแล้ว ก็มาสู่การสร้างคนเขียนงานรุ่นใหม่ต่อด้วยการเป็นพี่เลี้ยง ดั่งที่เขาเคยได้รับจาก ป้าอี๊ด-ทมยันตี นั่นเอง
ภูเตศวรย้ำว่าแท้จริงแล้ว การได้รับรางวัลทมยันตีอวอร์ดนี้มีความหมายมากกว่าการได้ 3 แสนบาทแน่นอน เพราะนอกจากแจ้งเกิดโดยมีทมยันตีรับประกันแล้ว ยังได้ในแง่ตลาดอีกด้วย อย่างน้อยที่สุด 20 อันดับแรกได้รับการตีพิมพ์ทุกเล่มแน่นอน
ส่วนข่าวล่ามาเร็วในขณะนี้ก็คือ 5 อันดับแรกมีสิทธิสร้างเป็นละครแน่ เพราะค่ายละครทางช่อง 3 ติดต่อมาเรียบร้อยแล้วเพื่อขอสิทธิ์ในการเลือกดูเป็นเจ้าแรก
สำหรับงานท้ายปีที่ทั้งนักเขียนและผู้จัดการจะทำร่วมกันก็คือ พิธีลาครู จะเป็นการไหว้ครูตามภูมิปัญญาพิธีกรรมโบราณ ซึ่งทั้งคู่ตั้งใจทำเป็นปีสุดท้ายเพื่อยืนยันถึงความงดงามไม่ใช่ความงมงาย
ถึงตอนนี้แม้จะยังไม่ได้กำหนดสถานที่แน่ชัดก็ตาม แต่ถือว่าเป็นอีกปีที่ได้ทำงานอย่างจุใจตามประสาคนชอบทำงานจริงๆ ป้าอี๊ด-ทมยันตี บอกไว้อย่างนั้น!!
0 ในชีวิตของทมยันตีบอกว่า ไม่ได้ให้ความสำคัญกับรางวัล แต่สำหรับตำแหน่งคุณหญิงครั้งนี้ถือเป็น 'รางวัลแห่งชีวิต' ยังไงบ้าง?
นี่ไม่ใช่รางวัล นี่ถือว่าเป็น 'เกียรติยศ' ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมฯ ทั้งสองพระองค์ อย่างที่เคยบอกแล้วว่า สิ่งที่ถือว่าเป็นเกียรติยศอันยิ่งใหญ่ คือ ตุ๊กตาทอง คือเป็นนักเขียนคนเดียวที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระราชทานที่สวนจิตรลดา แล้วจากนั้นก็มีความรู้ว่าไม่ต้องการอะไรอีกแล้วนะคะ ถือว่าเป็นสิ่งอันยิ่งใหญ่แล้ว วันนี้เมื่อสมเด็จพระนางเจ้าฯ โปรดประทานก็ถือว่าเป็นเกียรติยศอันยิ่งใหญ่
เกิดมาในชีวิตหนึ่งนะ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระราชทานรางวัลตุ๊กตาทอง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระราชทานเกียรติยศครั้งนี้ พอแล้วสำหรับวิมล สองพระองค์เท่านั้น พอแล้วนะคะ วิมลไม่ได้ปรารถนาอะไรอีกเลยนะคะ
เมื่อได้รางวัลตุ๊กตาทอง จากวันนั้นจนถึงวันนี้ที่นั่งสัมภาษณ์กันขณะนี้ ดิฉันก็ตั้งไว้บนโต๊ะหมู่บูชา สวดมนต์ก็กราบ วันนี้ เครื่องราชฯ ก็อยู่บนโต๊ะหมู่บูชา
แต่ความจริงเครื่องราชอิสริยาภรณ์นี่ ดิฉันได้รับจากทางฝ่ายหน้ามาก่อน ทางฝ่ายการเมือง ได้ทั้ง ตริตาภรณ์มงกุฎไทย ตริตาภรณ์ช้างเผือก และ ทุติยาภรณ์มงกุฎไทย นั่นเป็นการได้ทางฝ่ายหน้าการเมือง แต่สำหรับฝ่ายในเป็นครั้งนี้
0 เท่าที่ผ่านมามีการถวายงานรับใช้พระองค์ท่านอย่างไรบ้าง
ดิฉันเป็นคนชอบทำงาน ดิฉันไม่ได้ถือว่า ต้องถวายท่านเพราะอะไร ดิฉันเคยบอกว่า ดิฉันทำหน้าที่ของข้าแผ่นดิน (เน้นเสียง) เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระชนมายุครบ 60 พรรษา คุณหญิงวิริยา (ชวกุล) ตอนนี้เป็นท่านผู้หญิงแล้ว ท่านก็มาชวนดิฉัน พี่วิมล ทำไลท์แอนด์ซาวนด์ถวายพระเจ้าอยู่หัวฯ กัน (เรื่องนพรัชรัตนโกสินทร์) ตอนนั้นที่สวนลุมพินี ตอนนั้นคุณหญิงมณีรัตน์ (บุนนาค) ก็เป็นท่านผู้หญิงอีกแหละ ชวนมาทำ สองคุณหญิงกับหนึ่งวิมล ก็ช่วยกัน
ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ (หัวเราะ) จำได้ ตอนนั้นสคริปต์อะไรเตรียมงานเรียบร้อยหมด จั๋ง เป็นผู้กำกับ ท่านผู้หญิงเอะใจ "วิมล ถามจริงๆ เธอเคยทำสคริปต์ทีวี หนังมาตลอด แล้วเคยทำสคริปต์ไท์แอนด์ซาวน์มั้ย" ตอนนั้นเมืองไทยมีครั้งแรกเลยนะคะ ยังไม่มีใครทำ ท่านก็เอะใจเมืองไทยจะมีเป็นครั้งแรก แล้ววิมลจะเอามาจากไหน ดิฉันก็เรียนท่านตอนนั้นทันทีทันควันว่า-ไม่เคย 'หา' (หัวเราะ) แล้ววิมลเอามาจากไหน ก็บอกว่า เคยไปดูละครกลางแจ้งที่กรีก 'ดูกี่หน'- หนเดียว เฮอะๆ (หัวเราะ) ท่านผู้หญิงอ่อนใจเลย ช่วยกันอ่านใหญ่ ทั้งท่านผู้หญิงวิริยา ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ มียัยวิมลนั่งอยู่กับพื้นเขียนใหญ่ เขียนกันใหญ่ จนละครไลท์แอนด์ซาวนด์เรื่องแรกของประเทศไทยอุบัติขึ้นประสพผลสำเร็จที่ดียิ่ง เกือบสองชั่วโมง เล่นตั้งแต่วางเสาหลักเมืองจนมาถึงรัชกาลที่ 9
คุณเชื่อมั้ยว่าพอจบตอนนั้น วิมลกราบ-เจ้าพระคุ้ณ เข็ดแล้ว
0 ถนัดเขียนสคริปต์ไลท์แอนด์ซาวนด์อยู่แล้วหรืออย่างไร เพราะว่าพอท่านมุ้ยให้เขียน ก็ทำได้ในเวลาไม่นานนัก
ตอนที่ลงจากเรือบิน (กลับจากโรม) แล้วได้รับโทรศัพท์ท่านมุ้ย พอรู้ว่าทำสมเด็จพระนเรศวร คือดิฉันรู้มานาน เพราะดิฉนเขียนเสร็จตั้งแต่ปี 2546 ดิฉันบอกว่า 2548 สมเด็จพระนเรศวรท่านจะสวรรคตครบ 400 ปี ก็นั่งบ่นว่าทำไมไม่เห็นมีใครทำถวายเลย ทำไมไม่มีใครคิดถวายพระองค์ท่านทำไมไม่มีใครบวงสรวง ก็คิดเอง ไม่มีใครทำ วิมลทำเองก็ได้ เพราะตอนที่พ่อขุนรามคำแหง ท่านได้รับประกาศเป็นพระบิดาแห่งประวัติศาสตร์ไทย ไม่เห็นมีใครทำ ก็เฉยๆ กัน ทางกระทรวงศึกษาหรือกระทรวงวัฒนธรรมก็เฉยๆ
และเดิมทีดิฉันก็ตั้งใจทำเองอยู่แล้ว ก็คือที่ดิฉันเททองหล่อพระพุทธรูปมีการสังเวยครั้งใหญ่บวงสรวงเทวดาครั้งใหญ่ ก็คิดว่าไม่เป็นไร ยังไงก็อัญเชิญพระรูปท่านไปตั้งบวงสรวงพร้อมกับเททองให้ท่านเป็นประธานในการเททองหล่อพระรัตนพุทธวิชิตมารของคุณภูเตศวร คือรวมสองงานมาด้วยกัน ตอนนั้นก็นึกไว้ในใจกับคุณภูเตศวรเตรียมงานใหญ่กันเรียบร้อยแล้ว ก็มาเจองานไลท์แอนด์ซาวนด์ แต่ก็ทำตามความตั้งใจเดิมคืออัญเชิญพระรูปท่านเป็นประธานเททองด้วย ก็มาเจองานนี้ก็เป็นงานถูกใจอีกนั่นแหละ แต่เมื่อไปดูพื้นที่จริง สารรูปของวิมลก็เหมือนแมวออกจากลังถ่ายเหมือนเดิม
0 ถึงมอมเหมือนแมวแต่ก็ทำด้วยความสนุกและเต็มใจ
เราเป็นข้าแผ่นดิน ไม่ต้องมีใครมาบอก ไม่ต้องให้รัฐธรรมนูญกำหนด ทำไมเราจะต้องรอให้ใครมากำหนด เราต้องกำหนดตัวเราเอง ดิฉันบอก คุณเข้าใจคำว่าเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินมั้ย ท่านเป็นเจ้าของฟ้าท่านเป็นเจ้าของแผ่นดิน ฟ้าต้องมีตาดูเรา แผ่นดินต้องรับรู้ว่า เราทำอะไรถวายท่าน ท่านครองฟ้าครองแผ่นดิน เราอาศัยฟ้ารับน้ำฝนท่านก็ทำน้ำฝนให้เราจริงมั้ย เราอาศัยแผ่นดิน สมเด็จพระนางเจ้าฯ เห็นมั้ย ทรงวิ่งทำน้ำที่นู่นที่นี่ที่นั่น ปลูกป่าที่นั่นที่นี่ ท่านก็ทำแผ่นดินไว้ให้เรา แล้วเราจะมานั่งขี้เกียจอยู่ได้อย่างไร เรามีหน้าที่อะไรก็ทำถวายท่าน ไม่ต้องรอให้ท่านสั่ง ทุกวันนี้เอะอะอะไรเราก็ต้องรอให้ท่านทรงพระราชดำริ
ดิฉันเคยเขียนบทความไว้ว่า คนไทยนี่แปลก มีเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินใช้เหลือเกิน พระเจ้าอยู่หัวฯ พระชนม์เท่าไหร่ เห็นท่านต้องมาจี้ทำฝนเทียม ตั้งศูนย์บัญชาการ ที่มันเจ็บปวดที่สุดก็ยังอุตส่าห์ไปโกงเครื่องยาเคมีทำฝนเทียม ซึ่งเครื่องยาเคมีที่ท่านทำนี่ไม่ใช่ทำเพื่อพระองค์ท่านแต่ท่านทำเพื่อประชาชน มันบาปนะ หนึ่งโกงประชาชน สองกราบบังทูลเท็จต่อเจ้าเหนือตัวแห่งตน ท่านเป็นเจ้าเหนือหัวนะ บาป สิ่งเหล่านี้ไม่แต่เพียงโกง แ ต่บาปอันนี้หนักหนาทำต่อพระเจ้าอยู่หัวฯ เจ็บปวดที่สุด
ดิฉันเจ็บใจเขียนลงหนังสือเลยค่ะ เจ็ดสิบสองพระชันษา เขียนไปแล้ว พระองค์เฉลิมพระชนมายุยังไงรู้มั้ย แน่ะ ไปนั่งอยู่ภาคใต้แล้วน้ำพระเนตรคลอกลับมา คนของท่าน คนไทยของฉัน แผ่นดินของคนไทย แต่ทำไมมาฆ่าคนของฉัน คนที่มาฆ่ามันไม่ใช่คนไทย บอกไว้แค่นี้ มันไม่ใช่คนไทย ไทยไม่ได้ฆ่าไทย เพราะตรงนั้นคือ ไทยมุสลิมของเรา ดิฉันไม่เคยบอกเลยว่า ไทยแล้วจะต้องมีศาสนาไหนแล้วถึงจะเป็นไทย ท่านรับสั่งคนไทยของฉัน ประชาชนของฉันทำไมมาฆ่า คุณไม่สะเทือนใจกันบ้างหรือ
ท่านเสียพระทัยแค่ไหน 72 พรรษา อยู่ภาคใต้ ทรงงานหนัก ดิฉันเจ็บใจเหลือเกิน คนไทยนี่ดีนะ มีเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินก็คอยท่านทำงานให้
ในฐานะดิฉันเป็นคนของแผ่นดิน ดิฉันสำนึกทุกเม็ดดิน บูรพกษัตรารักษาให้ เมื่อสมเด็จพระนเรศวรท่านกู้อิสรภาพ จำไว้นะคะ ท่านบอกว่า อิสรภาพนี้ให้แก่ไทย ท่านไม่เคยบอกว่าให้ไทยพุทธสักคำ จะไทยพุทธ ไทยคริสต์ หรือไทยมุสลิม แต่เป็นไทยคำเดียว พระนเรศวรท่านกู้อิสรภาพให้ไทยทั้งหมด ไปแยกกันทำไม
0 ที่สุดจึงต้องการถ่ายทอดประวัติศาสตร์ผ่านงานเขียน
เหมือนอย่างที่ดิฉันเขียนทุกเรื่องในเรื่องของแผ่นดินดิฉันจะอหังการ อย่างเรื่อง 'อตีตา' นายแท่น นายดอก นายอินทร์ นายเมือง ขุนสัน พันเรือง นางทองแสงใหญ่ (ร้องเป็นเพลง) เด็กเดี๋ยวนี้ยังร้องไม่เป็นรายชื่อพวกนี้ ดิฉันไปกราบอนุสาวรีย์วีรชนก่อนจะเขียนเรื่องนี้ แปลกค่ะ ฝนตกมาเป็นละอองแล้วรวมเป็นน้ำตา หยดลง ไปดูสิคะ อนุสาวรีย์ก้มหน้าดูเรา น้ำตาไหลวันนั้นดิฉันไปไม่มีคนเลยค่ะ ไปกับคุณภูเตศวร แล้วกราบใครรู้มั้ย ดิฉันไม่กินเหนื้อวัวเนื้อควาย กราบควายด้วยค่ะ ควายยังออกศึก รบให้แผ่นดิน ดิฉันกับคุณภูเตศวร ไม่กินเนื้อมานานนักหนา 30-40 ปี แล้ว เพราะยายของดิฉันสอนให้รู้จักกตัญญูรู้คุณควาย เขาออกรบนะลูก แล้วเขาก็ทำนาให้เรากินนะ อย่ากินเขานะลูก วัวเขาให้นมเรา เขาเป็นแม่เรา พระธรณีเป็นแม่ เพราะแม่เท่านั้นที่จะให้ข้าวเรา ต้องกตัญญู
แล้วตระกูลฝ่ายแม่ดิฉันเป็นชาววัง ท่านสอนดิฉันข้าวแดงแกงร้อนรดหัว สอนอยู่ในตระกูล ต้องระลึก ท่านทำงานอยู่กับสมเด็จพระพันวสาอัยยิกาเจ้าตั้งแต่สมัยท่าน จนท่านเสด็จออกข้างนอกไม่ได้ตาม ชื่อราชตระกูลอะไรไม่มีหรอกค่ะ คือต้นตระกูลท่างฝ่ายดิฉันเป็นเจ้าเวียงจันทน์ แต่ถูกเขากวาดต้อนมาเป็นเชลย แล้วก็มาอยู่ในวังเป็นเจ้าจอม แต่ไม่มีพระหน่อ ก็ขาดหายไป แต่ท่านบอกว่าท่านมีความสุขกันทั้งตระกูล เพราะฉะนั้นข้าวแดงแกงร้อนรดหัว อย่าลืม
ฝ่ายตระกูลศิริไพบูลย์ พ่อดิฉันเป็นทหารหมด จึงสอน 'เกียรติศักดิ์ของทหารนั้นคือ รักษาแผ่นดิน'
ตระกูลดิฉันสอนกันมาอย่างนั้น ให้รักแผ่นดิน ไม่มีเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ดูแลเรา เราจะเป็นสุขได้อย่างไร มันอยู่ในเลือดของดิฉัน
0 พูดบ่อยครั้งว่าเหตุที่เป็นเช่นนี้เป็นเพราะความผิดของตัวเองอย่างเดียวที่มี ก็คือ รักแผ่นดิน
คนว่าดิฉันพูดอะไรๆ ก็แผ่นดิน ว่าอะไรก็แล้วแต่ ก็ตอบไปว่า ใช่ ถ้าคุณถือว่านี่เป็นความผิดของดิฉัน ความผิดของดิฉันมีอันเดียวก็คือ ดิฉันรักแผ่นดิน
เวลาเขาว่าดิฉัน อย่างสมัย 6 ตุลา (เหตุการณ์นองเลือด 6 ตุลาคม 2519) เมื่อก่อนด่าวิมล ดิฉันไม่รู้เรื่องรู้ราวเขาไปรบกันที่ไหนก็ไม่รู้ แต่ 6 ตุลานั้น ดิฉันก็บอกว่า ถ้าไม่อย่างนั้นเราก็เป็นแบบอะไร ลาว ญวน เขมรน่ะสิ จริงหรือเปล่าคะ ตอนนั้นคอมมิวนิสต์ วุ่นวาย ดิฉันบอกคอมมิวนิสต์ทำอะไรก็ช่าง แต่นี่ พระเจ้าอยู่หัวฯ ของดิฉัน ราชวงศ์ไทย อย่ามายุ่ง ดิฉันต้องลุกขึ้นสู้สิ แผ่นดินของดิฉัน เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินของดิฉัน คอมมิวนิสต์จะทำอย่างนี้ไม่ได้ แต่ทีนี้จะพูดไปก็ลำบากแล้ว เขาด่าดิฉันเป็นปีๆ เขาว่าเป็นความผิดของดิฉันก็ใช่ ผิดที่ดิฉันรักแผ่นดินของฉัน
0 ที่ผ่านมาก็ไม่เห็นป้าอี๊ด (ทมยันตี) ออกมาพูดเรื่องเหตุการณ์ 6 ตุลา เป็นการเสียสละเพื่อแผ่นดิน
คุณคะดิฉันจะไปทวงหรือคะว่าดิฉันทำอะไรกับแผ่นดิน ดิฉันถือว่านี่เป็นหน้าที่ ไม่ใช่ทำ ไม่จำเป็นต้องประกาศ ดิฉันเห็นออกมาทวงหนี้กันอยู่นั่นแหละว่าเขาทำอะไร เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนต้องทำ แล้ววันนั้น ก็ไม่ใช่มีทมยันตีคนเดียว คนตั้งแต่แสนกว่าคนลุกขึ้นโวยวาย พอเสร็จเรียบร้อยแล้วกลับไปบ้าง ตายบ้างเยอะแยะ ก็ไม่เห็นใครมาทวงอนุสาวรีย์ เสร็จแล้วก็กลับบ้าน หมดหน้าที่ ประเทศไทยเป็นสุข เออ..พระเจ้าอยู่หัวฯ พระราชินีท่านยังอยู่ จบกลับบ้าน นอน แล้วคนที่อยู่ ดิฉันเห็นนั่งเก้าอี้ แต่ทวงไปทวงมาคนที่ตายๆ ไปก็ไม่เห็นเป็นอะไร แต่คนที่ยังอยู่เป็นรัฐมนตรีกันเป็นแถว
0 จริงๆ การปวารณาตัวเขียนงานเพื่อแผ่นดินนี่เป็นมาก่อนช่วง 6 ตุลาอีกหรือ
เป็นหน้าที่ของข้าแผ่นดินทั้งนั้น ตั้งแต่ดิฉันโตขึ้นมาตระกูลดิฉันก็สอนอย่างนี้ อย่างที่บอกว่าข้าวแดงแกงร้อนรดหัว หน้าที่ของเราก็คือต้องรักษาแผ่นดินลูกทหาร มีหน้าที่ตายเพื่อแผ่นดิน เป็นหน้าที่เลยล่ะ พ่อดิฉันสอน เมื่อเป็นหน้าที่แล้ว ไม่ต้องไปทวงใคร ไม่ต้องสรรเสริญตัวเอง เมื่อเรามีหน้าที่ก็ออกไปทำหน้าที่ จบแล้วก็กลับบ้าน ใ ครจะพูดอะไรก็พูดไป
0 คนอื่นมองว่าปีนี้ปีทองของป้าอี๊ด ไม่ทราบว่ามองเหมือนคนอื่นหรือเปล่า
ดิฉันหรือแม้แต่คุณภูเตศวรก็ดี มีสิ่งหนึ่งที่เป็นสิ่งประจำตัวคือ ได้แล้วต้องวาง ได้แล้วมากำไว้ตลอดเวลานี่มันเป็น ติด เราจะได้อะไรมาก็ตามต้องวาง เพราะเมื่อเราวางแล้วเราจะเข้าสู่ความว่างเป็นหลักอนัตตาสูงสุดที่พระพุทธเจ้าสอน เพราะฉะนั้นคุณจะเห็นดิฉันให้สัมภาษณ์แต่แรกว่าได้รับพระราชทานเครื่องราชฯ มาทุกครั้ง ไม่ใช่เฉพาะครั้งนี้นะคะ ทุกครั้งดิฉันก็จะเอาขึ้นห้องพระ แล้วก็วางไว้บนโต๊ะหมุ่บูชา แล้วก็กราบลงด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตาทอง หรือตำแหน่งคุณหญิง ก็อยู่ห้องพระ (หัวเราะ) วิมลก็กลับมาเป็นวิมล กลับมาเป็นทมยันตี กลับมาเป็นป้าอี๊ด ใครเรียกอย่างนี้ ดิฉันจะรู้สึกคุ้นเคยและเป็นกันเอง
คำว่าคุณหญิงเอาไว้ตอนที่ดิฉันต้องใช้ในราชการ ไปราชการค่อยใช้ยศตามราชการเขา แต่ถ้าไม่ใช่ราชการก็ขอเป็นป้าอี๊ด ทำงานตัวมอมเป็นแมวตกลังถ่านอย่างนั้นนะคะ ความสุขของดิฉันอยู่ตรงนั้น
ดิฉันเกิดมาอย่างผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่ง และดิฉันตั้งใจว่า เมื่อวันตาย เคยบอกกับคุณภูเตศวรว่า ถ้าดิฉันตายก่อนแล้วเขาบวชเป็นพระ ให้เผาดิฉันบนกองฟืนเหมือนอย่างที่อินเดีย ไม่ต้องใส่โลงสงสารไม้ หนูไปงานป้านะ เอาเศษไม้ในป่า ที่แห้งๆ นะ อย่าตัด สงสารไม้ เอาเศษไม้มาช่วยกันสุม แล้วก็จุดไฟเผา เหมือนกับต่างจังหวัด แล้วก็ขุดหลุมเอาไว้หลุมหนึ่ง แล้วเอาทั้งกระดูกและเศษไม้ที่เหลือที่เป็นถ่านลงโคนหลุม แล้วก็ปลูกต้นไม้ออกดอกสีม่วงๆ ไว้ให้ป้าหนึ่งต้น ชงโคก็ได้เพราะป้ารักสีม่วง เวลาหนูผ่านวัดนั้น เห็นต้นไม้งามบนกระดูกป้า จะได้หันไปมอง "ป้า ดอกไม้ของป้าออกดอก" มาจากดินจากแม่พระธรณี ก็คืนให้แม่ไป ธาตุดินน้ำลมไฟคืนให้กับธรรมชาติ
วันนี้ เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินท่านมีพระเนตรดูเรา เราต้องทำงานถวาย และคืนให้แผ่นดิน แม้แต่ร่างกาย แล้วก็จบ ไม่มีอะไรเลย วันที่เข้ารับพระราชทานตำแหน่งคุณหญิง เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมาเป็นอดีตไปแล้วนะ ในขณะที่เราคุยกัน แล้วในอนาคตอีกไม่เท่าไหร่ ป้าอี๊ดก็ฝังดิน ทุกอย่างก็วางไว้หมดในโลกนี้ เอาอะไรไปไม่ได้ มีแต่ความรู้สึกอันงดงามติดวิญญาณเราไปเท่านั้นเอง
0 กับรางวัลศิลปินแห่งชาติมักจะมีคนไถ่ถามว่าสร้างมาเยอะแต่ไม่ได้รางวัลนี้สัก มีความคิดเห็นอย่างไรต่อเรื่องนี้?
(หัวเราะ) ลืมเสียเถอะค่ะ ดิฉันไม่สนใจนะคะ แล้วดิฉันก็คิดว่าดิฉันไม่ต้องการด้วยนะคะ ดิฉันตอบแล้วไงคะว่า ตุ๊กตาทองในการเขียนวรรณกรรมรับจากพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ดิฉันยังจะต้องการอะไรอีก ยศถาบรรดาศักดิ์ รับจากพระเจ้าอยู่หัวฯ พระนางเจ้าฯ มีพระเสาวนีย์ประทาน ดิฉันยังจะต้องการอะไรอีกนะคะ ดิฉันไม่ต้องการอะไร
กับอีกอันที่ดิฉันภูมิใจ ขอบคุณดุสิตโพลล์ ถือว่าดิฉันได้ พีเพิลอวอร์ด (people awards) ถูกมั้ยคะ ประชาชนโหวตจากผลงานของดิฉัน ดิฉันบอกแล้วว่าดิฉันมีสิทธิในงาน ดิฉันส่งผลงาน ประชาชน พีเพิลอวอร์ดให้ดิฉันมาทุกปีๆ โดยที่ไม่ต้องมีกรรมการ กรรมการคณะใดจะสู้พีเพิลอวอร์ด ทั้งหมดที่ให้ดิฉันเอง มหาชนจริงๆ ที่ให้ดิฉัน
0 มีความเห็นต่อรางวัลวรรณกรรมอย่างไร
ดิฉันก็ไม่เชื่อว่ากรรมการเพียงกลุ่มเดียวจะสามารถดำรงความเที่ยงตรง (พูดช้าๆ ชัดๆ) ได้ทั้งหมด
ในรางวัลทุกรางวัลก็เห็นทะเลาะกัน ดิฉันเคยปลอบ แม้แต่ปราบดา หยุ่น ให้สัมภาษณ์ไปไม่รู้ว่าปราบดาหยุ่น รู้หรือไม่ พอไอ้หนูมันได้ ก็รุมด่า ขอโทษนะคะ ดิฉันขอโทษน่ะ หนูมันได้ก็ไปด่าว่าพ่อมันเก่ง หนูมันไม่รู้เรื่องเลย พ่อมันก็ไม่รู้เรื่อง นี่ ก็ด่า ก็บอกไปว่า ไอ้หนูทนนะลูก ดิฉันให้สัมภาษณ์ไป พอหมดปีนี้ไปปีหน้าเขาก็ด่าคนหน้าแล้วลูก เป็นอดีตไป ได้แล้ววางซะลูก หรืออย่างอัญชัน ได้ก็ด่าเขาอีกหาว่าเขียนไม่เว้นวรรค อ้าว..เขียนดีไม่มีเว้นวรรคซะอีกแล้วนะคะ (หัวเราะ) ใครได้รางวัลก็ด่า ทำไม..
เพราะฉะนั้นดิฉันถือว่า ดิฉันไม่ต้องการ ดิฉันไม่เชื่อว่ากรรมการเพียงกลุ่มเดียว จะพิจารณาอะไรได เรื่องส่งเป็นร้อย กรรมการก็มาพูดกันเอง มีอยู่ปี ปีไหน? วานลูกอ่าน (หัวเราะ) วานลูกอ่านจนเหลือกี่เล่มก็ไม่รู้ให้มันน้อยแล้วจึงมาอ่านเอง ตกลงว่าเล่มที่ตกกระป๋องไปนี่ ไม่ถูกใจลูกกรรมการ แล้วกรรมการก็เอามาอ่าน ดิฉันก็นึกไม่ออกว่าที่เหลือสิบเล่มกรรมการก็คงไม่อ่านหมด อาจจะไปวานใครอ่านก็ไม่รู้ พอเหลือสองสามเล่มถึงจะมาอ่านอะไรอย่างนี้ ดิฉันไม่เชื่อ
0 มีความรู้สึกอย่างนี้แล้ว 'ทมยันตีอวอร์ด' จะมีการสร้างมาตรฐานใหม่อย่างไร
งานของทมยันตีอวอร์ดทั้งหมดนี่ เราใช้มืออาชีพทั้งหมดนี่ พิจารณานี่ไม่มีชื่อด้วยนะคะ มีแต่หมายเลข 1-100 แต่ฝ่ายบัญชีเขาจะทำบัญชีไว้ว่ามาจากไหน ของเขาอ่านเสร็จเรียบร้อยแล้วนี่ ไล่ขึ้นมาเป็นลำดับ ไม่ใช่ครั้งเดียวนะ ผ่านกรรมการจนกระทั่งมาถึงมือดิฉัน ทมยันตีจะคิดว่ากันอย่างไร แต่เรื่องที่ดิฉันว่าแต่กรรมการไม่ถูกใจ ก็มีสิทธิทักท้วง ก็ว่ากันอยู่บนโต๊ะเลยแล้วกรรมการที่มามืออาชีพทั้งสิ้น นอกจากที่ประกาศไปยังมีนั่งโต๊ะอีกหลายคนเลย คำว่าสงสารมีไม่ได้ค่ะ เพราะถ้าสงสารแล้วต่อไปเขาเป็นมืออาชีพไม่ด้ เราต้องโหดเหี้ยมเพื่อให้เขาขึ้นมาแล้วเป็นมืออาชีพ แล้วไม่ใช่หนึ่ง1-2-3 แต่ 20 อันดับบน เรารับรองพิมพ์หมดแล้วคนไม่ได้เราคอมเมนท์ไปหมดทุกคนว่า คุณต้องไปแก้ไขอะไรบ้าง ไม่เป็นไร ส่งใหม่ปีหน้า ไม่ใช่ตัดสิทธิ์ส่งอีก และเราสองคน นอกจากออกหนังสือวีซีดี เปิดคอร์สเลยค่ะ เอาเด็กที่ส่งเข้ามา ขึ้นนั่ง แล้วเราอาจจะนำงานเขามาพลิกดูเลย ว่าตรงนี้คอมเมนท์เพราะอะไร ถ้าทมยันตีแก้จะบอกหนูว่าแก้อย่างไร แล้วเราสองคนและบรรณาธิการอื่นใน ณบ้านวรรณกรรม เป็นครูสอน
ใครก็ตามรู้ข่าวแล้วรีบส่งมานะ จะได้เป็นนักเขียนอาชีพ แล้วแถมเรื่องของตัวเองจะได้ทำเป็นละครทีวีได้ด้วย เพราะป้ากับคุณภูเตศวรจะนั่งอ่านเองคอมเมนท์เอง และสองคนขึ้นเป็นครูสอนอีกต่างหาก