: หนองปลาปาก : ตำบลกวนวัน : ตำบลในเมือง : ตำบลค่ายบกหวาน : ตำบลบ้านเดื่อ : ตำบลพระธาตุบังพวน : ตำบลปะโค : ตำบลโพนสว่าง : ตำบลโพธิ์ชัย : ตำบลเมืองหมี : ตำบลมีชัย : ตำบลเวียงคุก : ตำบลวัดธาตุ : ตำบลสีกาย : ตำบลหาดคำ : ตำบลหนองกอมเกาะ : ตำบลหินโงม : ตำบลกุดบง : ตำบลชุมช้าง : ตำบลจุมพล : ตำบลทุ่งหลวง : ตำบลเซิม : ตำบลนาหนัง : ตำบลบ้านโพธิ์ : ตำบลบ้านผือ : ตำบลวัดหลวง : ตำบลสร้างนางขาว : ตำบลเหล่าต่างคำ : ตำบลกองนาง : ตำบลท่าบ่อ : ตำบลโคกคอน : ตำบลน้ำโมง : ตำบลนาข่า : ตำบลบ้านเดื่อ : ตำบลบ้านถ่อน : ตำบลโพนสา : ตำบลบ้านว่าน : ตำบลหนองนาง : ตำบลนาดี : ตำบลเฝ้าไร่ : ตำบลหนองหลวง : ตำบลวังหลวง : ตำบลอุดมพร : ตำบลบ้านต้อน : ตำบลนาทับไฮ : ตำบลพระบาทนาสิงห์ : ตำบลโพนแพง : ตำบลบ้านหม้อ : ตำบลรัตนวาปี : ตำบลพระพุทธบาท : ตำบลพานพร้าว : ตำบลแก้งไก่ : ตำบลบ้านม่วง : ตำบลนางิ้ว : ตำบลผาตั้ง : ตำบลสังคม : ตำบลโพนทอง : ตำบลด่านศรีสุข : ตำบลโพธิ์ตาก : ตำบลสระใคร : ตำบลบ้านฝาง : ตำบลคอกช้าง

วันอังคารที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2553

BNT ช่วยชาติ!ปลุกตลาดหุ้นคึกคัก

รายงานพิเศษ / ภาวินี อินเทพ

BNT ช่วยชาติ!ปลุกตลาดหุ้นคึกคัก
โทรทัศน์ดาวเทียม ไม่ใช่สื่อทางเลือกสำหรับผู้ชมในท้องถิ่นห่างไกลเท่านั้น หากแต่เป็นโอกาสทางรอดของกลุ่มธุรกิจที่หวังขยายการเติบโตในเวลาอันสั้นอีกด้วย หาก 'แจ้งเกิด' ได้ ก็ย่อมหมายถึงรายได้ก้อนโตจากโฆษณาและการขายสมาชิก

จึงไม่น่าแปลกใจที่เวลานี้จะมีผู้ผลิตรายการหลายเจ้า กระโดดเข้ามาลงทุนในธุรกิจแขนงนี้มากถึง 20 ช่องแล้ว แสดงว่า รายได้ทั้งขึ้นทั้งล่องจากโทรทัศน์ดาวเทียม หรือที่เรียกๆ กันว่า 'ทีวีห้องแถว' นั้น คงไม่ธรรมดาแน่!!

บีเอ็นทีทีวี (BNT TV) บริษัทในเครือของบริษัท บีเอ็นที เอนเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) ก็เป็นผู้ผลิตรายการที่ป้อนให้กับผู้ประกอบการเคเบิลทีวีท้องถิ่นอีกเจ้าหนึ่งที่เข้าสู่ธุรกิจนี้ ด้วยการเปิดช่องโทรทัศน์ดาวเทียมในชื่อ 'สไมล์เน็ตเวิร์ก' (Smile Network) หรือ 'โทรทัศน์แห่งรอยยิ้ม' ถึง 6 ช่องด้วยกัน

สไมล์เน็ตเวิร์กออกอากาศโดยใช้สัญญาณดาวเทียมไทยคม 3 เริ่มออกอากาศ (ให้ชมฟรี) มาตั้งแต่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา ภายใต้การดูแล ของ วิลาสินี จิวานนท์ ในฐานะผู้จัดการทั่วไป

"จุดเด่นของเราอยู่ที่คอนเทนท์ของรายการ เราเป็นผู้ผลิตด้วยตัวเอง ไม่ได้ซื้อคอนเทนท์มาจากต่างประเทศแล้วส่งต่อ แต่เรามีทีมผลิตเป็นคนไทยทั้งหมด ส่วนรายการที่ซื้อจากต่างประเทศบางส่วน เราก็จะมา edit หรือไม่ก็ rewrite ใหม่ เพื่อให้เข้ากับคนไทยมากที่สุด"

วิลาสินีกล่าวถึงความโดดเด่นของสไตล์สไมล์เน็ตเวิร์กที่แตกต่างจากเจ้าอื่น และความบันเทิง 6 ช่องรายการที่ว่านี้ แบ่งเป็น ภาพยนตร์ 2 ช่อง (แนวทั่วไปและแอ็คชั่น), เพลง 2 ช่อง (ลูกทุ่งและเพลงป๊อป), แฟชั่น (fTV Thailand) และสารคดี (EdN-edutainment Network) อีกอย่างละ 1 ช่อง โดยมีแผนจะขยายเป็น 10 ช่องในช่วงปลายปี 2548 อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม วิลาสินี ย้ำด้วยว่า สไมล์เน็ตเวิร์ก เกิดขึ้นไม่ได้แน่ หากไม่มีความพร้อมทั้งทางด้าน 'คน' และ 'เงินทุน' รวมถึงประสบการณ์การทำธุรกิจด้านบรอดคาสติ้งเอง ก็ไม่ใช่ 'รายใหม่' แต่บีเอ็นทีเอนเตอร์เทนเมนท์ฯ ซึ่งเป็นบริษัทแม่นั้น ถือว่าทำธุรกิจครบวงจรมายาวนานพอที่จะรู้ว่ารายการแบบใดที่จะถูกใจผู้บริโภคอยู่แล้ว จึงทำให้ทุกอย่างไปด้วยกันได้ดี

"อีกอย่างชื่อเสียงของบีเอ็นทีที่มีอยู่ก่อนแล้ว การที่เวลาที่จะนำเสนออะไรไป คนจะมั่นใจได้ว่าเราจะไม่ทำเล่นๆ"

วิลาสินีแสดงความมั่นใจ โดยเป้าหมายในขวบปีแรกนี้ ตามที่ได้รับนโยบายมาจาก 'ผู้บริหาร' โดยตรงนอกจากให้เป็นโลว์คอสต์เคเบิลทีวีแล้ว ก็คือ ตั้งใจผลิตรายการดีๆ ให้คนไทยได้ชมกัน นั่นเอง

ทางด้าน ปิติพัฒน์ เพียรเลิศ (หรือชื่อเดิม-อิทธิวัฒน์) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมบีเอ็นที ได้กล่าวถึงการคืนอาณาจักรเคเบิลทีวี ในค่ำคืนการเปิดตัวโทรทัศน์แห่งรอยยิ้มด้วยว่า

"เราต้องการสร้างทางเลือกใหม่ยิ่งยุคน้ำมันแพงๆ ทุกคนก็ทราบการที่เราจะอยู่ที่บ้านไม่ต้องออกไปไหน มันประหยัด โทรทัศน์ดาวเทียมจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อไปในอนาคต"

อันที่จริงแล้ว ตัวเขาเองนอกจากมีความฝันเกี่ยวกับการขยายอาณาจักรเคเบิลทีวีและติดตามข่าวสารด้านนี้มายาวนาน เรียกว่า ติดตามการเคลื่อนไหวของเคเบิลทีวีมาตั้งแต่ยังไม่ถูกกฎหมายจนกระทั่งได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐก็ว่าได้

ปิติพัฒน์ให้ความสำคัญกับ 'พันธมิตร' มาตลอด

"การทำทีวีเคเบิลหรือทีวีผ่านดาวเทียมนั้น มันไม่ใช่เรื่องง่าย การลงทุนก็สูง แต่ด้วยความที่เรามั่นใจว่าเรามีคุณภาพของรายการทั้งหลายที่ดี ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ เพลงที่เรามีอยู่แล้ว เรายังมีพันธมิตรอยู่ด้วย"

สำหรับ 'ของที่มีอยู่' ก็เช่น ด้านภาพยนตร์ บีเอ็นทีฯ ครอบคลุมทั้ง บีเอ็นทีเอนเตอร์เทนเมนท์, ไรท์พิคเจอร์ และ DOI (Digital Onpa)

ด้านวิทยุมีอยู่ 3 คลื่นด้วยกัน ก็คือ 94.5 LOVE FM, 107.5 Channel V Thailand

โดยเฉพาะ 'รักไททีวี' ก็มาจากคลื่นวิทยุ 'ลูกทุ่งรักไท' 98.0 ของบีเอ็นทีเอ็นเตอร์เทนเมนท์ฯ อยู่แล้ว เพียงแต่เปลี่ยนจากการดูแลของเสี่ยช้าง-เดชา สุวินิจจิต มาสู่จอ โดยเน้นคอนเซปต์เดิมเป็นสถานีแห่งความรัก และความภูมิใจของชาวลูกทุ่งเหมือนกันเท่านั้นเอง

ส่วน 'พันธมิตร' ก็เช่น บริษัท พาโนรามา ดอคคิวเมนทารี ที่รับผลิตรายการและดูแลผังรายการทั้งหมดให้กับอีดีเอ็น (edutainment Network) นั้น ก็เนื่องจากว่าพาโนรามาฯ มี บ.บีเอ็นที จำกัด เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ซึ่งผู้บริหารของบริษัทดังกล่าวนี้ ก็เป็นชุดเดียวกับผู้บริหารของบีเอ็นทีเอนเตอร์เทนเมนท์ (มหาชน) ในขณะนี้อีกด้วยนั่นเอง

โดยเฉพาะรายล่าสุดที่ได้มา ก็คือ ช่องแฟชั่นก็คือ fTV แต่เมื่อนำเสนอผ่านสไมล์เน็ตเวิร์กก็จะถูกใส่ความเป็นไทยเข้าไปด้วย กลายเป็น 'แฟชั่นทีวี ไทยแลนด์'

"ตรงนี้จะเป็นจุดที่เราจะช่วยประเทศชาติได้หลายอย่าง เช่น เผยแพร่เรื่องอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยไปทั่วโลก"

ต่อไปจะให้มี 'ข่าวท้องถิ่น' อีกด้วย ซึ่งเป็นแนวคิดที่ตรงกับ บำรุง วสันตกรณ์ นายกสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย อย่างยิ่ง ที่เน้นการให้ความสำคัญแก่คนท้องถิ่น ด้วยข่าวท้องถิ่น

ในนามของบีเอ็นทีเอนเตอร์เทนเมนท์ฯ เวลานี้ ครอบคลุมธุรกิจครบถ้วนทั้งธุรกิจสายภาพยนตร์, วิทยุ, นิตยสาร (pop magazine),ผู้ จัดคอนเสิร์ตทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการจัดงานอีเวนท์ต่างๆ สไมล์เน็ตเวิร์ก ถือว่าเป็นธุรกิจไลน์ล่าสุด

0 0 0

ขณะที่เบื้องหน้า สไมล์เน็ตเวิร์ก คือแขนขาบีเอ็นทีโฉมใหม่ เพราะ จเรรัฐ ปิงคลาสัย ประธานเจ้าหน้าที่ร่วมบีเอ็นทีเองก็หวังว่า ต่อไปสไมล์เน็ตเวิร์กจะเป็นรายได้หลักมากถึง 50%

ทางด้านเบื้องหลัง-สัดส่วนผู้ถือหุ้น ก็มีความเปลี่ยนแปลงไม่น้อยเช่นกัน และถือเป็นการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่เลยก็ว่าได้

เพราะจากข้อมูลการปิดสมุดจดทะเบียนผู้ถือหุ้นของบริษัท บีเอ็นทีเอ็นเตอร์เทนเมนท์ฯ เมื่อ 28 มิถุนายนที่ผ่านมานั้น พบว่าชื่อของ พายัพ ชินวัตร กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 3 โดยได้ซื้อหุ้นเพิ่มเข้ามาอีก 59.33 ล้านหุ้น คิดเป็น 3.19% ส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นรวมเป็น 81.46 ล้านหุ้น คิดเป็น 4.38%

จากเดิมเมื่อ 18 เมษายนปีเดียวกัน พายัพ ถือหุ้นเพียง 22.14 ล้านหุ้น ซึ่งคิดเป็น 1.19% และเป็นผู้ถือหุ้นอันดับที่ 11 เท่านั้นเอง

ที่สำคัญ ชื่อของ 'พายัพ' กับหุ้นบีเอ็นที ทำให้สื่อมวลชนจับตามองอย่างใกล้ชิด และยิ่งมีข่าวว่า ก.ล.ต. กำลังติดตามความเคลื่อนไหวราคาหุ้นของบีเอ็นที ที่ขึ้นลงหวือหวาอยู่ แต่บรรดานักเล่นหุ้น ก็ยังพิสมัยหุ้นตัวนี้เสียเหลือเกิน

อย่างไรก็ดี วิลาสินีเองย้ำว่า แม้โครงสร้างผู้ถือหุ้นจะเปลี่ยนไปอย่างไร แต่การทำงานยังมีอิสระคงเดิม เพียงแต่การกำหนดแนวทางการเติบโตของสไมล์เน็ตเวิร์กเท่านั้นเองว่าจะเดินไปทิศทางใด อย่างขวบปีแรกนี้ นอกจากผลิตรายการดีมีคุณภาพ และก็เน้นให้ส่งเสริมสังคมและประเทศชาติด้วย

ทางด้านปิติพัฒน์เอง ก็ยืนยันกับพันธมิตรและผู้ถือหุ้นทั้งหลายได้สบายใจเช่นกันว่า ลงทุนครั้งนี้ไม่เสียเปล่าแน่

"เราก็พยายามให้ทุกคนสบายใจว่า การลงทุนนี้ไม่ใช่การลงทุนเสียเปล่า แต่มีประโยชน์หลายด้าน นอกจากด้านผลประกอบการแล้ว ที่สำคัญคือ ตอบแทนสังคมประเทศชาติ และสุดท้ายคือทางเลือกใหม่ ที่ใครก็ได้จะเลือกได้โดยไม่ต้องมานั่งเป็นภาระ"

เห็นไหมว่า สไมล์เน็ตเวิร์ก ตั้งใจ 'ช่วยชาติ' มากแค่ไหน แต่ไม่รู้ว่าผลกรรมนี้จะช่วยหุ้น BNT มากน้อยเพียงใด-ต้องติดตาม!!