: หนองปลาปาก : ตำบลกวนวัน : ตำบลในเมือง : ตำบลค่ายบกหวาน : ตำบลบ้านเดื่อ : ตำบลพระธาตุบังพวน : ตำบลปะโค : ตำบลโพนสว่าง : ตำบลโพธิ์ชัย : ตำบลเมืองหมี : ตำบลมีชัย : ตำบลเวียงคุก : ตำบลวัดธาตุ : ตำบลสีกาย : ตำบลหาดคำ : ตำบลหนองกอมเกาะ : ตำบลหินโงม : ตำบลกุดบง : ตำบลชุมช้าง : ตำบลจุมพล : ตำบลทุ่งหลวง : ตำบลเซิม : ตำบลนาหนัง : ตำบลบ้านโพธิ์ : ตำบลบ้านผือ : ตำบลวัดหลวง : ตำบลสร้างนางขาว : ตำบลเหล่าต่างคำ : ตำบลกองนาง : ตำบลท่าบ่อ : ตำบลโคกคอน : ตำบลน้ำโมง : ตำบลนาข่า : ตำบลบ้านเดื่อ : ตำบลบ้านถ่อน : ตำบลโพนสา : ตำบลบ้านว่าน : ตำบลหนองนาง : ตำบลนาดี : ตำบลเฝ้าไร่ : ตำบลหนองหลวง : ตำบลวังหลวง : ตำบลอุดมพร : ตำบลบ้านต้อน : ตำบลนาทับไฮ : ตำบลพระบาทนาสิงห์ : ตำบลโพนแพง : ตำบลบ้านหม้อ : ตำบลรัตนวาปี : ตำบลพระพุทธบาท : ตำบลพานพร้าว : ตำบลแก้งไก่ : ตำบลบ้านม่วง : ตำบลนางิ้ว : ตำบลผาตั้ง : ตำบลสังคม : ตำบลโพนทอง : ตำบลด่านศรีสุข : ตำบลโพธิ์ตาก : ตำบลสระใคร : ตำบลบ้านฝาง : ตำบลคอกช้าง

วันเสาร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2553

สื่อทีวีทำลายเด็ก พ่อแม่ลุกขึ้นสู้แล้ว

สุทธิชัย หยุ่น

สื่อทีวีทำลายเด็ก พ่อแม่ลุกขึ้นสู้แล้ว

ข่าว 'เครือข่ายพ่อแม่ผู้ปกครอง' เรียกร้องให้รัฐบาลคืนเวลาทีวีให้เด็กเป็นข่าวเล็กๆ ในหน้าหนังสือพิมพ์ไทย

แต่ข่าวดาราแต่งงาน ถ่ายรูปสยิว ค่าชุดแต่งงานเท่าไหร่ เป็นพาดหัวใหญ่หน้าหนึ่ง ติดต่อกันหลายวัน

เป็นดัชนีชี้ให้เห็นว่า สังคมไทยวันนี้ให้ความสำคัญกับอะไรมากน้อยกว่ากัน

บางคนอาจจะบอกว่าเรื่องอย่างนี้ไม่มีใครถูก ไม่มีใครผิด อยู่ที่ค่านิยมของใครของมัน

แต่เวลาเด็กไทยทำอะไรผิดความคาดหวังของสังคม ต่างก็จะระดมกันวิพากษ์เยาวชน ต่อว่าต่อขานระบบ และมองหาสาเหตุกันเป็นพัลวัน

ลงท้ายสังคมไทยก็ไม่มีทางออกอะไรมากกว่าการไปทำโพลล์ เชื่อโพลล์ และบ่นพึมพำ (ไม่ควรเรียกว่าเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ด้วยซ้ำไป เพราะไร้ข้อมูล ขาดหลักฐาน และไม่มีความสนใจลึกซึ้งเกินกว่าพาดหัวของหนังสือพิมพ์) ตามโพลล์อีกนั่นแหละ

'เครือข่ายพ่อแม่ผู้ปกครอง' นั้น ความจริงเป็นกลไกสำคัญยิ่งของสังคมในอันที่จะเรียกร้อง, ผลักดัน และถามหาความถูกต้องสำหรับเยาวชนของประเทศในทุกๆ เรื่อง

เพราะไม่มีใครจะเห็นปัญหาของเด็กได้ดีเท่าพ่อแม่และผู้ปกครองที่ต้องอยู่กับการเจริญเติบโต โดยเฉพาะทางสมองและปัญญาของเยาวชน

และไม่มีใครห่วงอนาคตของเด็กเท่ากับพ่อแม่

ถ้าพ่อแม่ไม่รวมตัวกัน ไม่ปรึกษาหารือ แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและความเห็นกัน และออกมารณรงค์กับผู้มีอำนาจรัฐและกลุ่มอื่นๆ ของสังคม ใครจะเป็นคนทำให้?

นักการเมืองหรือ? ข้าราชการหรือ? ธุรกิจที่ต้องการจะใช้เด็กเป็นเหยื่อของโฆษณาสินค้าตัวเองหรือ? พ่อค้าที่เห็นกำไรสำคัญกว่าศีลธรรมหรือ? รัฐบาลที่เป็นห่วงคะแนนเสียงมากกว่าสติปัญญาของเด็กไทยหรือ?

จะว่าไปเด็กไทยอยู่ในฐานะน่าสงสารอย่างยิ่ง เพราะเป็นเหยื่อของการเมืองและธุรกิจ และความผันผวนแห่งวัฒนธรรมมากกว่าที่จะเป็นเป้าหมายแห่งการรณรงค์เพื่อให้ได้สิ่งที่ควรจะได้เพื่อเติบโตเป็นอนาคตของประเทศที่มีคุณภาพอย่างแท้จริง

ข่าวที่เครือข่ายพ่อแม่ผู้ปกครองออกมาเรียกร้อง (อีกครั้งหนึ่ง) ด้วยการยื่นหนังสือต่อรองนายกฯ จาตุรนต์ ฉายแสง เพื่อขอให้ช่วงเวลาตั้งแต่บ่าย 4 โมงถึง 4 ทุ่ม เป็นรายการโทรทัศน์สำหรับครอบครัวนั้น เป็นการยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่า สังคมนี้อยู่ในสภาพที่ต้องการจะเอาเปรียบเด็ก ใช้เด็ก และทำร้ายเด็ก มากกว่าจะส่งเสริมปัญญา

ในคำเรียกร้องนั้น เครือข่ายพ่อแม่ผู้ปกครองบอกว่าสถานีโทรทัศน์ทุกช่องมีการเปลี่ยนแปลงรายการตลอดเวลา ทำให้รายการส่วนใหญ่ที่หลุดผังนั้น เป็นรายการส่งเสริมการศึกษาและการเรียนรู้

ช่วงเวลาที่ว่านี้กลับเป็นรายการที่แสดงความรุนแรง การแสดงออกทางเพศที่ไม่เหมาะสม

ขอย้ำข้อเรียกร้อง 4 ข้อของเครือข่ายผู้ปกครองอีกครั้ง เพราะนี่คือปัญหาที่ไม่มีใครที่มีอำนาจช่วยแก้ไขอย่างจริงจัง เพราะคนมีอำนาจทางการเมือง มองไม่เห็นความสำคัญของสื่อกับเด็ก และใช้เด็กเป็นเครื่องมือทางการเมืองมากกว่าที่จะต้องการสร้างอนาคตของประเทศอย่างจริงจัง

ข้อเรียกร้องของพ่อแม่เด็กบอกว่า

1.ขอให้ทีวีทุกช่องดูแลรายการในช่วงบ่าย 4 ถึง 4 ทุ่ม ให้เป็นช่วงที่เหมาะสมกับเด็ก เยาวชนและครอบครัว

2.ขอให้รัฐมีกลไกในการสนับสนุน และเฝ้าตรวจสอบเพื่อให้ทีวีทุกช่องออกรายการที่เหมาะสมกับเด็กและเยาวชน

3.สนับสนุนให้ทีวีทุกช่องมีมาตรการตรวจสอบตัวเองที่เคร่งครัด และกำหนดให้ผู้ผลิตรายการจัดให้มีการประเมินผลกระทบของรายการต่อผู้ชม โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชน ทั้งก่อนและระหว่างการออกอากาศ

4.ขอให้ช่วงเวลาหลังข่าว 2 ทุ่ม อย่างน้อย 1 ชั่วโมงเป็นรายการเพื่อการศึกษาและเรียนรู้ของเด็ก เยาวชนและครอบครัว โดยให้เริ่มดำเนินการในสถานีทีวีในกำกับดูแลของรัฐก่อน

เป็นข้อเรียกร้องที่ชัดเจน สมเหตุสมผล และสำคัญต่อประชาชนอย่างยิ่ง

การรวมตัวของพ่อแม่ผู้ปกครองเพื่อเด็กและเยาวชนเป็นความริเริ่มที่สำคัญ และควรจะต้องทำอย่างต่อเนื่อง

กระตุกให้รัฐบาลรู้สึกว่ามีอำนาจก็ใช้แต่เพียงเพื่อเป้าหมายของตัวเองเท่านั้น ไม่สนใจสังคมเท่าไหร่ แต่เท่านั้นยังไม่พอ

ยังจะต้องกระตุกสื่อเองให้รู้สึกว่ากำลังร่วมทำลายเยาวชนของชาติอยู่อย่างไรด้วย

เครือข่ายพ่อแม่ผู้ปกครองทำการประเมินสถานีทีวีแต่ละช่องว่าด้วย 'ความรับผิดชอบต่อเยาวชน' และวิจารณ์เนื้อหาของแต่ละรายการที่กระทบศีลธรรมอันดีของเด็กและเยาวชน ประกาศให้สังคมรับรู้ตลอดเวลา

ทำกันต่อเนื่อง ทำกันทุกเมื่อเชื่อวัน ให้เด็กและเยาวชนแสดงความเห็นต่อรายการทีวีทุกช่วง ถามหารายการที่เป็นประโยชน์

ยังมีคนต้องการทำดีอีกเยอะในวงการนี้ครับ แต่เขาอยู่กันอย่างวังเวงหงอยเหงาและสิ้นหวังมานานแล้ว