บทความโดย โสภณ องค์การณ์
ให้ 'ยูเอ็น' รู้ทันกังฉิน
อ่า! ชาวไทยทุกผู้ ทุกนาม ผู้รังเกียจขบวนการกังฉินกินเมือง อยากขอบคุณองค์การสหประชาชาติ หรือเรียกกันสั้นๆ ว่า 'ยูเอ็น' ซึ่งได้จัดการประชุม เรื่องการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญาครั้งที่ 11 ในบ้านเรา
นอกจากได้ขนสมาชิกมาจากร้อยกว่าประเทศทั่วโลก มาหาประสบการณ์ใหม่ๆ เห็นบ้านเมืองเรา ได้นวดแผนโบราณ นวดอโรม่าจากสปาต่างๆ หรืออ่างน้ำอุ่นย่านถนนรัชดาฯ แล้ว ยังเป็นการเอื้ออาทรธุรกิจโรงแรม การท่องเที่ยวอีกด้วย
ประเด็นสำคัญก็คือ บ้านเรานั้นเหมาะมากสำหรับการถกปัญหาอาชญากรรม มีตัวอย่างให้เป็นกรณีศึกษาด้านพฤติกรรมกังฉินกินเมือง ปั่นหุ้น ค้ายาเสพติด โดยใช้กลไกการเมืองคอร์รัปชันทั้งซึ่งหน้าและเนียนๆ
งาบคำโตๆ แถมยังเล่นพรรค เล่นพวก จนน่าเกลียด!
พวกกันเอง ปั่นหุ้น งาบอย่างไร นอกจากจะไม่จัดการแล้ว ยังปกป้องแบบด้านๆ เล่นงานฝ่ายตรงข้ามโกยคะแนนเสียงให้ประชานิยมชมชอบอีกด้วย
ตัวอย่างเห็นกันชัดๆ การโกงกินลำไยกันเป็นพันๆ ล้านบาท ชาวสวนลำไยน้ำตาตกแทบจะท่วมเชียงใหม่ ลำพูน ตอนแรกนักสร้างภาพจากการปราบปรามคอร์รัปชันทำท่าทางขึงขัง จะจัดการให้ได้ เอาเป็นเอาตาย
พอรู้ว่านักงาบเป็นพวกเดียวกัน แก้มยุ้ยหน้าอูมตาหยี ก็รีบใส่เกียร์ถอยหลัง สั่งให้มีการเผาลำไยที่เหลือ อ้างว่าจะได้ไม่เป็นช่องทางให้โกงกินกันรอบใหม่ ชาวบ้านหารู้ไม่ว่านั่นเป็นการทำลายหลักฐานการโกงกินชัดๆ
อาศัยการเบี่ยงเบนประเด็น ใช้ลูกเล่นแบบตื้นๆ อีกนั่นแล!
การประชุมของสมาชิก 'ยูเอ็น' ครั้งนี้ ไม่ได้ถกกันในประเด็น 'ยูเอ็นเป็นพ่อใคร' แต่ได้เปิดโอกาสให้ 'หม่อมอุ๋ย' ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ได้มีโอกาสสาวไส้พวกนักการเมืองกังฉิน ซึ่งให้ความคุ้มครองพรรคพวกเดียวกัน ในอาชญากรรมรูปแบบหลากหลาย
เช่นค้ายาเสพติด ปั่นหุ้น โกงกินสถาบันการเงิน เป็นโจรใส่สูท อาชญากรคอปกขาว ต่างก็ได้ดีมีสุขอยู่บนกองทุกข์ของชาวบ้าน
สร้างความวิบัติให้เศรษฐกิจของประเทศ แต่ก็ไม่ได้รับการลงโทษ แถมยังได้ดิบได้ดี มีตำแหน่งการเมือง และเป็นผู้บริหารองค์กรของรัฐ และรัฐวิสาหกิจ
กลายเป็นยุคคนทำชั่วได้ดี คนดีถูกไล่บี้แทบไม่มีที่ยืนในแผ่นดิน!
ใครก็ตามได้ยินสุนทรพจน์ 'หม่อมอุ๋ย' แล้ว รู้ทันทีว่าที่พูดไปนั้น หมายถึงเมืองไทย ดินแดนกังฉินกินเมืองแล้วได้ดี อย่างไม่มีข้อสงสัย
ไม่ใช่เป็นการตีวัวกระทบคราด นี่เป็นการตีแสกหน้า ถลกผ้าล่อนจ้อนให้เห็นการโกงกินสมบัติแผ่นดิน ทรัพย์สิน ภาษี และเงินฝากของประชาชน
แขกบ้าน แขกเมืองที่ฟัง 'หม่อยอุ๋ย' ตอนแรกอาจงงนิดๆ นึกว่าประเทศไหนหว่าที่นักการเมืองจับมือกับนักธุรกิจเป็นพันธมิตร ร่วมด้วยช่วยกันทำระยำตำบอนจนประเทศชาติเกือบไม่เหลือสมบัติไว้ให้คนรุ่นหลัง
หลังจากซุบซิบกันในวงแคบ จากนั้นก็กระจายเป็นวงกว้าง ก็มีเสียงหัวเราะคิกคัก "เหรอ เหรอ! กินหนักอย่างนั้นเชียวเหรอ"
เป็นการให้สมาชิกยูเอ็นได้รับรู้ว่ามาถูกที่ ถูกทาง อยู่ในบรรยากาศของพวกโจรปล้นเมือง มีตัวอย่างให้รับรู้ แม้แต่ผู้ว่าการแบงก์ชาติอย่าง 'หม่อมอุ๋ย' ก็ยอมรับว่าไม่มีหนทางแก้ปัญหา เพราะหนักหนาสาหัส การโกงกินหยั่งรากลึก เป็นเครือข่าย ระบบป้องกันตัวเองด้วยกฎหมาย
ทำให้การโกงกินเป็นไปในลักษณะเอื้ออาทรซึ่งกันและกัน เพราะพวกรักษากฎหมายและบริหารบ้านเมืองนั้น เป็นพวกเดียวกัน
หลายครั้งคนหน้าเดิมๆ นั่นแหละ รับบทโจรและผู้มีหน้าที่ปราบโจร! เมื่อเป็นอย่างนี้ จะมีอะไรเหลือ?
'หม่อมอุ๋ย' ก็บอกว่าจนปัญญาเมื่อเจอปัญหาในสังคมการเมืองด้อยพัฒนา เมื่อนักการเมือง เสนาบดีทำตัวเป็นกังฉิน เห็นสมบัติของแผ่นดินเป็นเหมือนทรัพย์สินของครอบครัว โกงกินเท่าไหร่ไม่รู้จักพอ
ต้องร่ำร้อง ขอให้ 'ยูเอ็น' รับเป็นเจ้าภาพ สปอนเซอร์ ให้ความร่วมมือมาตรการปราบปรามพวกอาชญากรในคราบนักการเมืองกังฉิน
ใครฟังหรืออ่านข่าวตอนเช้าเรื่อง 'หม่อมอุ๋ย' จะออกอาการหูแดง ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน กลืนเลือดด้วยความแค้นสุมอก ข้าวปลาอาหารกระเดือกไม่ลงคอ จ้องหาเรื่องเล่นงานด้วยการย้าย 'หม่อมอุ๋ย' หรือไม่ อีกพักใหญ่ก็รู้
งานนี้ 'หม่อมอุ๋ย' ยืมเวที 'ยูเอ็น' ฟ้องชาวโลกให้รับรู้ความเป็นอภิมหากังฉินของใครก็ไม่รู้นิ! อิอิอิ!!!
: หนองปลาปาก : ตำบลกวนวัน : ตำบลในเมือง : ตำบลค่ายบกหวาน : ตำบลบ้านเดื่อ : ตำบลพระธาตุบังพวน : ตำบลปะโค : ตำบลโพนสว่าง : ตำบลโพธิ์ชัย : ตำบลเมืองหมี : ตำบลมีชัย : ตำบลเวียงคุก : ตำบลวัดธาตุ : ตำบลสีกาย : ตำบลหาดคำ : ตำบลหนองกอมเกาะ : ตำบลหินโงม : ตำบลกุดบง : ตำบลชุมช้าง : ตำบลจุมพล : ตำบลทุ่งหลวง : ตำบลเซิม : ตำบลนาหนัง : ตำบลบ้านโพธิ์ : ตำบลบ้านผือ : ตำบลวัดหลวง : ตำบลสร้างนางขาว : ตำบลเหล่าต่างคำ : ตำบลกองนาง : ตำบลท่าบ่อ : ตำบลโคกคอน : ตำบลน้ำโมง : ตำบลนาข่า : ตำบลบ้านเดื่อ : ตำบลบ้านถ่อน : ตำบลโพนสา : ตำบลบ้านว่าน : ตำบลหนองนาง : ตำบลนาดี : ตำบลเฝ้าไร่ : ตำบลหนองหลวง : ตำบลวังหลวง : ตำบลอุดมพร : ตำบลบ้านต้อน : ตำบลนาทับไฮ : ตำบลพระบาทนาสิงห์ : ตำบลโพนแพง : ตำบลบ้านหม้อ : ตำบลรัตนวาปี : ตำบลพระพุทธบาท : ตำบลพานพร้าว : ตำบลแก้งไก่ : ตำบลบ้านม่วง : ตำบลนางิ้ว : ตำบลผาตั้ง : ตำบลสังคม : ตำบลโพนทอง : ตำบลด่านศรีสุข : ตำบลโพธิ์ตาก : ตำบลสระใคร : ตำบลบ้านฝาง : ตำบลคอกช้าง
วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2553
ให้ 'ยูเอ็น' รู้ทันกังฉิน
เขียนโดย
Thai Writer
ที่
01:24

ส่งอีเมลข้อมูลนี้BlogThis!แชร์ไปยัง Xแชร์ไปที่ Facebookแชร์ใน Pinterest