หนองคาย-รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย พร้อมผู้ที่เกี่ยวข้องนำป้ายห้ามกระทำการใดๆในเขตพื้นที่บริเวณหนองบัวแดง ต.ปะโค อ.เมืองหนองคาย จ.หนองคาย โดยเด็ดขาด หลังเกิดปัญหาฉ้อโกงประชาชน และความผิดมาตรา 112 หมิ่นเบื้องสูง
พ.ต.อ.ไพศาล ลือสมบูรณ์ รอง ผบก.ภ.จว.หนองคาย ร่วมกับนายกเทศมนตรีตำบลปะโค และปลัดเทศบาลตำบลปะโค ได้ทำการติดตั้งป้าย "ห้ามกระทำการใดๆในเขตพื้นที่บริเวณหนองบัวแดง ต.ปะโค อ.เมืองหนองคาย จ.หนองคาย โดยเด็ดขาด" พร้อมทั้งชี้แจงแก่ผู้รับเหมาในการลอกผักตบชวาในพื้นที่ดังกล่าว (เกี่ยวกับเรื่องการฉ้อโกง) ถึงความเข้าใจและแนวทางในการปฏิบัติที่ชัดเจนของขั้นตอนในการดำเนินการ เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียต่อภาพลักษณ์ของสถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดหนองคาย
ทั้งนี้ นายสุชาติ นพวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการเอาผิด นายโชติช่วง คงแก้ว อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 65/71 ถนนพระยาพิชัยดาบหัก ต.เขาสามยอด อ.เมือง จ.ลพบุรี อดีตนายช่างชลประทานชำนาญงาน สำนักงานจัดรูปที่ดิน จ.ลพบุรี ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน และความผิดมาตรา 112 หมิ่นเบื้องสูง
โดยก่อนหน้าจะมีการดำเนินการกับนายโชติช่วงได้มี นายกนกศักดิ์ เมืองแก้ว อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 83 หมู่ 8 ต.ท่ากระดาน อ.คีรีรัฐ จ.สุราษฎร์ธานี ผู้รับเหมา ได้เข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย สอบถามโครงการขุดลอกหนองบ่อ ต.เวียงคุก และ ต.หนองกอมเกาะ อ.เมืองหนองคาย ซึ่งมีผู้อ้างว่าเป็นโครงการที่ผู้ว่าราชการจังหวัดรับผิดชอบ แต่นายสุชาติ นพวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย แจ้งว่าโครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ไม่ชอบทางจังหวัดไม่ทราบเรื่อง และนายกนกศักดิ์ แจ้งว่า นายโชติช่วง คงแก้ว ซึ่งเป็นที่ปรึกษาโครงการนัดให้มาทำสัญญาจ่ายเงินประกันที่บริเวณหนองบ่อ บ้านไผ่สีทอง ต.เวียงคุก ดังนั้น นายสุชาติ นพวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ไปทำการจับกุม นายโชติช่วง มาสอบสวน
โดยก่อนเกิดเรื่องปรากฏว่าในวงการผู้รับเหมามีการปล่อยข่าวว่า จ.หนองคาย ได้ดำเนินโครงการขุดลอกผักตบชวาในหนองน้ำสาธารณะหลายแห่ง ผู้รับเหมาที่สนใจจะได้ค่าตอบแทนไร่ละ 80,000-200,000 บาท โดยต้องวางเงินสดเป็นเงินประกันสัญญาร้อยละ 5 ของพื้นที่หน้างาน ซึ่งมีผู้รับเหมามากกว่า 50 ราย จากหลายจังหวัดได้นำเงินสดมาวางประกัน โดยมีบริษัทเคอาร์ (K.R) ที่นายโชติช่วง อ้างว่าเป็นที่ปรึกษาโครงการ รวมมูลค่าโครงการนับหมื่นล้านบาท แต่ปรากฏว่าผู้รับเหมาทำงานไปได้ระยะหนึ่งก็มาถูกสั่งระงับไม่ให้ทำงานต่อ ทำให้ผู้รับเหมาหลายรายสอบถามข้อมูลจนเกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับโครงการของบริษัท เคอาร์ พบว่า มีพิรุธหลายอย่าง จึงได้เข้าร้องเรียนกับผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย จนนำมาสู่การจับกุมนายโชติช่วงและทางผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคายได้สั่งเจ้าหน้าที่ดำเนินการกับกลุ่มคนเหล่านี้อย่างเด็ดขาดเพราะเข้าข่ายหลอกหลวงประชาชนและหมิ่นเบื้องสูง.
