: หนองปลาปาก : ตำบลกวนวัน : ตำบลในเมือง : ตำบลค่ายบกหวาน : ตำบลบ้านเดื่อ : ตำบลพระธาตุบังพวน : ตำบลปะโค : ตำบลโพนสว่าง : ตำบลโพธิ์ชัย : ตำบลเมืองหมี : ตำบลมีชัย : ตำบลเวียงคุก : ตำบลวัดธาตุ : ตำบลสีกาย : ตำบลหาดคำ : ตำบลหนองกอมเกาะ : ตำบลหินโงม : ตำบลกุดบง : ตำบลชุมช้าง : ตำบลจุมพล : ตำบลทุ่งหลวง : ตำบลเซิม : ตำบลนาหนัง : ตำบลบ้านโพธิ์ : ตำบลบ้านผือ : ตำบลวัดหลวง : ตำบลสร้างนางขาว : ตำบลเหล่าต่างคำ : ตำบลกองนาง : ตำบลท่าบ่อ : ตำบลโคกคอน : ตำบลน้ำโมง : ตำบลนาข่า : ตำบลบ้านเดื่อ : ตำบลบ้านถ่อน : ตำบลโพนสา : ตำบลบ้านว่าน : ตำบลหนองนาง : ตำบลนาดี : ตำบลเฝ้าไร่ : ตำบลหนองหลวง : ตำบลวังหลวง : ตำบลอุดมพร : ตำบลบ้านต้อน : ตำบลนาทับไฮ : ตำบลพระบาทนาสิงห์ : ตำบลโพนแพง : ตำบลบ้านหม้อ : ตำบลรัตนวาปี : ตำบลพระพุทธบาท : ตำบลพานพร้าว : ตำบลแก้งไก่ : ตำบลบ้านม่วง : ตำบลนางิ้ว : ตำบลผาตั้ง : ตำบลสังคม : ตำบลโพนทอง : ตำบลด่านศรีสุข : ตำบลโพธิ์ตาก : ตำบลสระใคร : ตำบลบ้านฝาง : ตำบลคอกช้าง

วันอังคารที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2553

หนังสือทำมือ อินดี้บุ๊คเดย์ พื้นที่ของคนนอกกระแส

รายงานพิเศษ(3) / นภาพร แจ่มทับทิม คัดลอกจาก นิตยสารเนชั่นสุดสัปดาห์
หนังสือทำมือ อินดี้บุ๊คเดย์ พื้นที่ของคนนอกกระแสพื้นที่ศิลปะของคนหัวใจนอกกระแส หรือที่เรียกว่า 'อินดี้' ได้ถูกเปิดกว้างให้เป็นทางเลือกใหม่ของทั้งผู้ผลิตผลงานและคนเสพที่แสวงหาความแปลก แตกต่าง ที่นับว่าสร้างสีสันอยู่ไม่น้อยไม่เว้นแม้แต่งานสื่อสิ่งพิมพ์ ทั้งหนังสือเล่มและนิตยสาร ก็มีกระแสอินดี้อยู่เหมือนกัน
หากแต่ธุรกิจสำนักพิมพ์กระแสหลัก ล้วนอยู่ภายใต้อิทธิพลของระบบอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ อันมีระบบสายส่งเป็นโซ่ล่าม ส่งผลให้ราคาหนังสือต่อเล่มสูงเกินปกติ
อย่างไรก็ตาม การปรากฏของนักเขียนนอกกรอบอย่าง ปราบดา หยุ่น หรือ วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ แห่ง a day ที่สร้างความโดดเด่นในวงการหนังสือในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เป็นผู้มีส่วนในการจุดไฟแนวคิดสร้างสรรค์งานสิ่งพิมพ์ที่ออกนอกกฎเกณฑ์ ทั้งรูปแบบ-เนื้อหา และวิธีการเขียน
การระดมนักเขียน-นักอ่าน เพื่อเข้ามาพัฒนารูปแบบความหลากหลายในงานมหกรรมหนังสือทำมือและสื่อทางเลือกแห่งประเทศไทย จึงเป็นแนวคิดสำคัญ ที่แม้งานนี้จะไม่มีสำนักพิมพ์ที่ลงทุนสูง หนังสือของคนดัง หรือเบสเซลเลอร์ หากแต่เป็นการเปิดพื้นที่ของคนที่คิดสร้างสรรค์ในการเผยแพร่ผลงานความคิดและเนื้อหาที่เป็นอิสระ
เรืองกิตติ์ รักกาญจนันท์ ผู้ประสานเครือข่ายหนังสืออิสระ กล่าวถึงภาพรวมของ 'อินดี้บุ๊คเดย์' งานมหกรรมหนังสือทำมือและสื่อทางเลือกแห่งประเทศไทย ที่ปีนี้จัดเป็นปีที่ 3 โดยเริ่มต้นจากปรากฏการณ์หนังสือทำมือ เป็นที่รู้กันในคนกลุ่มเล็กๆ ในงานหนังสือริมน้ำ ที่สวนสันติชัยปราการเมื่อปลายปี พ.ศ.2543 จากนั้นผู้คนทั้งนักอ่านและนักเขียน ได้ร่วมกันสร้างความหนักแน่นให้กับวัฒนธรรมหนังสือทำมืออย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน และสานต่อแนวทางดังกล่าว
"คอนเซปต์ของงานหนังสือที่อาจเรียกว่าเป็นสงคราม คือเหมือนการแย่งชิงพื้นที่กัน เราต้องพยายามทำเพื่อให้คนทำหนังสือเหล่านี้ไม่กลืนหายไป ต้องทำสิ่งที่จะก่อให้เกิดกระแส อย่างเช่นการรวมกลุ่มเป็นงานเฉพาะ ไม่เช่นนั้นคนก็จะรู้จักและอ่านแต่หนังสือของสำนักพิมพ์ใหญ่ๆ เท่านั้น ซึ่งเป็นทางเลือกในอีกกระแสหนึ่ง ว่ามันมีกลุ่มคนเล็กๆ ที่มีความตั้งใจจริง ที่อยากจะทำงานด้านวรรณกรรม เพื่อให้วงการจะได้มีคนทำหนังสือคุณภาพ
"คอนเซปต์อีกอย่างหนึ่งของงานคือ การจัดงานหนังสือทำมือที่เราไปจัดในต่างจังหวัดนั้น เราไปจัดที่ร้านหนังสือ ซึ่งเป็นร้านหนังสือเล็กๆ สำหรับกลุ่มคนที่สนใจการอ่าน คือเราอยากให้คนทำหนังสือ และร้านหนังสือเล็กๆ ได้มีบทบาทในชุมชนหรือท้องถิ่นตัวเองด้วย"
เมื่อถามนิยามของหนังสืออินดี้? เขากล่าวว่า
"ก็เป็นหนังสือของคนทำงาน ซึ่งเป็นอิสระ คนทำ-คนเขียนไม่ต้องอิงกับกระแสตลาด พอทำมาแล้วหนังสือเหล่านี้มันขายได้หรือไม่ก็ตาม แต่เป็นการทำหนังสือที่อยากจะสื่อสารกับคนอ่าน ที่มีเนื้อหาในเชิงสร้างสรรค์สังคม ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นงานวรรณกรรมของคนรุ่นใหม่ที่ทำสำนักพิมพ์ของตัวเอง อย่างเช่น สำนักพิมพ์โอเพ่น จะไม่ใช่สำนักพิมพ์ใหญ่ๆ ที่มีตลาดหรือกลุ่มธุรกิจรองรับ"
โดยการประชาสัมพันธ์ และจัดกิจกรรมของกลุ่มได้ทำอย่างต่อเนื่อง ทั้งในสถาบันการศึกษา และการประกวดหนังสือทำมือเป็นประจำทุกปี
"ก่อนหน้านี้เราเคยจัดหนังสือทำมือในสถานศึกษาประมาณ 15 สถาบัน ที่จะช่วยเป็นสื่อกลางในการประชาสัมพันธ์ กลุ่มนี้จะมีส่วนในการสร้างการรวมตัวกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนมากขึ้น เพราะผลงานประเภทนี้ส่วนใหญ่จะกระจัดกระจายไปตามงานต่างๆ อย่างเช่น งานแฟทบ้าง หนังสือก็เป็นส่วนหนึ่งของงานนั้น แต่ว่ามันไม่เป็นงานเฉพาะ งานนี้เราอยากจัดให้เป็นงานเฉพาะ โดยมีพื้นที่ของเราเอง"
เพราะพื้นที่เล็กๆ ของคนสร้างสรรค์ผลงาน เป็นการเปิดมุมมองเพื่อถ่ายทอดในแนวทางอิสระ จึงไม่แปลกอะไร หากการสัญจรไปในแต่ละพื้นที่นั้น จะเป็นเวทีของ 'งานเขียนชั้นดี'
"สำหรับที่จัดขึ้นในต่างจังหวัด แต่ละตัวพื้นที่เอง ก็จะมีเพื่อนที่ทำกัน นิตยสารท้องถิ่น หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น แล้วกลุ่มคนที่ทำงานด้านนี้ ที่เป็นองค์กร พอมีงานนี้ก็จะมีการรวมกลุ่มกัน
"มันจะได้ในแง่การร่วมกลุ่ม ความร่วมไม้ร่วมมือกันขององค์กรเหล่านี้ แต่ในด้านกว้าง เราก็อยากให้คนที่ไม่รู้จักหนังสือทำมือหรือหนังสืออิสระ ได้รู้จักเรามากขึ้น เพราะเรายังไม่เห็นภาพในด้านกว้างมากนัก แต่ว่าเราพยายามให้เป็นงานในด้านกว้างมากขึ้น ค่อยๆ พัฒนา ต้องมีการทำอย่างต่อเนื่อง อย่างที่เชียงใหม่กับภูเก็ตก็ดีมาก ในงานนี้ก็เป็นการจุดประกายให้นักเขียนแต่ละจังหวัดสร้างรูปแบบหนังสือทำมือและสื่อทางเลือกต่อไป
"และงานที่จะมีขึ้นที่กรุงเทพฯ เราก็จะมีการเชิญตัวแทนจากทั้งภูเก็ตและเชียงใหม่มาร่วมแสดงนิทรรศการเพื่อเผยแพร่อีกด้วย"
ในภาวการณ์ที่ต้นทุนกระบวนการผลิตหนังสือต่อเล่มสูง หากแต่กลับกลายเป็นผลดีต่อกลุ่มคน ''หนังสือทำมือ' ด้วยเหตุที่ว่า
"ถ้าไปพิมพ์ในระบบ ต้องพิมพ์ประมาณที่ต้องเป็น 1,000 เล่มขึ้นไป ซึ่งจะแพงมาก แต่หนังสือทำมือเราทำได้เรื่อยๆ และไม่ต้องลงทุนมาก เวลาขายได้ก็สามารถพิมพ์เพิ่มเรื่อยๆ เวลาที่ไปพิมพ์เราบางทีมันขายไม่ได้
"แต่กลุ่มพวกนี้ได้มีพื้นที่ในงานเฉพาะของพวกเรา เพราะถ้าเป็นงานสัปดาห์หนังสือก็จะเป็นของสำนักพิมพ์ใหญ่ๆ เมื่อสำนักพิมพ์เล็กๆ จะเอาหนังสือไปฝากขาย มันก็ยาก พื้นที่มันมีอยู่จำกัดและมันก็ค่าเช่าแพง คือสิ่งหนึ่งที่เราจัดหนังสือทำมือขึ้นมา เพราะเราอยากมีพื้นที่เล็กๆ สำนักพิมพ์อิสระ คนทำหนังสืออิสระขึ้นมารวมตัวกัน มีกิจกรรมกัน พูดคุยกัน"
สำหรับความคาดหวังจากงานที่เขามุ่งหมายตั้งใจให้ดำเนินต่อไป
"เพิ่งเริ่มเดิน ที่จริงเราก็อยากให้มันแข็งแรงกว่านี้ต่อไป วันข้างหน้าก็อาจจะโตขึ้นอยู่แล้ว เพราะคนที่เข้ามาทำ ก็ถือว่าเป็นคนคุณภาพ" เรืองกิตติ์ กล่าว
และไม่ผิดหากความโดดเด่นของผลงานในพื้นที่เล็กๆ จะมีเป้าสู่การเป็นทางเลือกใหม่ และสู่การเติบโตในกระแสหลักอยู่นั่นเอง
(ล้อมกรอบ)
ที่มาของสนามวรรณกรรมอิสระ
กลุ่มคนเล็กๆ ที่ก่อร่างสร้างงาน 'หนังสือทำมือ' อันเกิดจากการรวมตัวกันของเครือข่ายหนังสืออิสระ INDY BOOK NET เมื่อ พ.ศ.2545 เพื่อดำเนินการจัดงาน 'มหกรรมหนังสือทำมือและสื่อทางเลือกแห่งประเทศไทย' (INDEPENDENT BOOK DAY) ที่เกิดจากคนทำงานด้านวรรณกรรมและหนังสือด้วยเจตนารมณ์ที่ร่วมกันเพื่อสร้างสรรค์กิจกรรมอันมีคุณค่า และมีความหมายต่อนักเขียน-นักอ่านรุ่นใหม่ ที่ดำเนินงานอย่างเป็นอิสระ
โดยความมุ่งหมายของพวกเขาได้ประกาศหลักการและเหตุผลเอาไว้ว่า
"ด้วยการแปรรูปหนังสือให้เป็นสินค้า สำนักพิมพ์ต่างๆ ได้เร่งการผลิตหนังสือ จนกล่าวว่าได้เป็นอุตสาหกรรมสมบูรณ์แบบ ภายใต้ผลการผลิตหนังสือแบบอุตสาหกรรมนี้ หนังสือถูกผลักดันและส่งเสริมด้วยเครื่องมือทางการตลาดทุกวิถีทาง จริงอยู่มีหนังสือคุณภาพปรากฏขึ้นเป็นหนังสือขายดีภายใต้กระแสจำนวนนี้ไม่น้อย แต่ปัญหาไม่ใช่อยู่ที่สำนักพิมพ์ต่างๆ จะพิมพ์หนังสือดีหรือไม่ดี ปัญหาสำคัญอยู่ที่การสร้างวัฒนธรรมการเสพหนังสือเพียงไม่กี่แบบนั้น ได้ทำลายโอกาสของหนังสือที่น่าสนใจเป็นจำนวนมาก ทำลายงานสร้างสรรค์ที่ต่างไปจากรสนิยมหลัก"
และด้วยเหตุนี้ หนังสือทำมือจึงก่อเกิดขึ้น เป็นทางออกของการเผยแพร่ผลงานของนักเขียนรุ่นใหม่ๆ เป็นเวทีให้กับความคิดเห็น และภูมิปัญญาที่แตกต่าง จากกระแสเล็กๆ ของคนทำไม่กี่กลุ่ม เริ่มขยายกระแสไปสู่ระดับกว้างมากขึ้น ปัจจุบันนี้มีกลุ่มผู้จัดทำหนังสือทำมือกระจายอยู่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษา
โดยมีนักเขียนจำนวนหนึ่งก้าวขึ้นมาสู่การเป็นนักเขียนอาชีพจากการทำหนังสือทำมือ มีหนังสือหลายเล่มที่เป็นหนังสือทำมือขายดีมาก่อนที่สำนักพิมพ์จะเล็งเห็นผลประโยชน์ และนำไปจัดพิมพ์ในระบบ กล่าวได้ว่า ตลาดกระแสหลักก็ได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากพื้นที่นอกระบบที่ไร้มาตรฐานนี้มาไม่น้อย จนไม่อาจปฏิเสธถึงประโยชน์และคุณูปการของหนังสือทำมือ
สิ่งสำคัญที่สุดคือ หนังสือทำมือในปัจจุบันเริ่มขยายการยอมรับจากนักอ่านไปสู่ระดับกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ และเป็นสื่อทางเลือกใหม่ในวงการธุรกิจหนังสือ โดยหนังสือทำมือหลายเล่มได้สร้างสถิติยอดขายมากกว่าหนังสือจากสำนักพิมพ์ใหญ่ๆ ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ และงานมหกรรมหนังสือแห่งชาติในรอบปีที่ผ่านมา
Independent Book Day จึงก่อเกิดขึ้นภายใต้การรวมตัวของหนุ่มสาวนักอ่าน-นักเขียนอิสระ และกลุ่มผู้จัดทำหนังสือทำมือ ตลอดจนสำนักพิมพ์เล็กๆ ของหนุ่มสาวรุ่นใหม่ทั่วประเทศ เพื่อจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ปัญญา และเพิ่มช่องทางการเผยแพร่หนังสือทำมือและหนังสือทางเลือกไปสู่เพื่อนนักอ่านทั่วประเทศ
สำหรับงานอินดี้บุ๊คเดย์ที่เกิดขึ้นในปีนี้ ได้มีการสัญจรไปแล้วที่ เชียงใหม่ และภูเก็ต ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และกระดาษดั๊บเบิ้ลเอ
และที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 16-18 ธันวาคม 2548 ที่สวนสันติชัยปราการ ถ.พระอาทิตย์ กรุงเทพฯ อันเป็นที่ก่อเกิดการนัดพบของคนในแวดวงหนังสือทำมือและสื่อทางเลือกตั้งแต่เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ที่จะมาพร้อมกับกิจกรรมดีๆ ให้เลือกเสพ ทั้ง ดนตรี หนังสั้น หนังสือทำมือ และกิจกรรมหนังสือทำมือแบบฉบับคนคิดสร้างสรรค์หรือบุ๊คเฟ่อีกด้วย