'มาร์ค' สั่งลุย

แม่ไม้การเมือง / ไพศาล สังโวลี

'มาร์ค' สั่งลุย
ความน่าสนใจของ 'หัวหน้ามาร์ค' อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้นำขั้วผลัดใบ ไม่เพียงตำแหน่งหัวหน้าพรรคตัวจริงที่จะเลือกตั้งกันในวันที่ 5 มีนาคมนี้เท่านั้น

ยังรวมถึงการ 'ล้างไพ่' คณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ยกเครื่องพรรคครั้งใหญ่ ที่จะสะสางตามมาด้วย

ส่วนว่า 'ไผเป็นไผ' รอให้ถึงวันที่ 5 มีนาคม เดี๋ยวก็รู้!

สำหรับการยกเครื่องพรรคครั้งใหญ่ 'อภิสิทธิ์' มีแนวทางอยู่แล้ว

"ในมุมของผม พรรคต้องมาทบทวนกันครั้งใหญ่ ทำความเข้าใจกับความเปลี่ยนแปลงทั้งหลายที่เกิดขึ้น เพื่อที่จะดูว่าเงื่อนไขของการทำงานที่จะต้องปรับให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลง จะทำอย่างไร ให้เราสามารถเข้าถึงประชาชน และได้รับการยอมรับจากประชาชนมากกว่านี้ และคิดว่าการปรับเปลี่ยนครั้งนี้ ถ้าไม่รุนแรงพอ ก็จะเป็นปัญหาต่อไป"

รุนแรงแค่ไหน 'อภิสิทธิ์' อธิบายต่อว่า ที่คงไว้ก็แต่อุดมการณ์ที่เป็นพื้นฐานของพรรค แต่สิ่งที่จะมารับใช้อุดมการณ์ ในเชิงวิธีการ โครงสร้าง บุคลากร วัฒนธรรมการทำงาน คงจะต้องมีการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่

นั่นแสดงให้เห็นว่า 'อภิสิทธิ์' กำลังคิดอะไรอยู่... ขณะจังหวะโอกาสกำลังจะมาถึง

ถึงตรงนี้ แน่นอน, อภิสิทธิ์มีการบ้านกองโตให้ต้องขบคิด และนึกย้อนอดีตเป็นบทเรียน

ขณะสภาพการณ์ที่เป็นอยู่ ประชาชนคาดหวังจากนักการเมืองสูงกว่าในอดีตมากมาย ไม่แต่เฉพาะความเป็นประชาธิปไตยเท่านั้น ยังมีเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน การอยู่ในสังคมอย่างมีศักดิ์ศรี สิทธิที่พึงมีพึงได้ ประโยชน์ที่พึงได้รับการคุ้มครอง ฯลฯ

ทั้งหลายทั้งปวงเป็นจุดอ่อนของพรรคประชาธิปัตย์

การผลิต 'วาทกรรม' ทางการเมือง ที่ฟังแล้วสะใจ ใช้สำนวนโวหารในการเชือดเฉือนคู่ต่อสู้นั้น รังแต่จะถูกคู่แข่งหยิบยกขึ้นมาโจมตี สะท้อนภาพต่อสังคมว่า 'ดีแต่พูด' หรือ 'พูดมากกว่าทำ' อะไรทำนองนั้น

ที่สุดก็ไม่ต่างอะไรจากนักการเมืองพันธุ์เก่า ที่ตกยุคตกสมัยไปเพราะปรับตัวไม่ทัน

แต่การแสดงบทบาทในฐานะรักษาการหัวหน้าพรรคของ 'อภิสิทธิ์' ก็นับว่าน่าสนใจ

หากว่านี่เกิดจากการสรุปบทเรียน และพยายามที่ปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานการเมือง ก็ยิ่งน่าจับตามอง

นั่นคือ การนำทีม ส.ส.ลงพื้นที่ไปรับฟัง และระดมความคิดเห็นจากชาวไทยพุทธ ชาวไทยมุสลิม ผู้นำศาสนา และผู้นำท้องถิ่น ที่โรงแรมชางลี จ.ยะลา เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ เพื่อหาแนวทางเสนอรัฐบาลในการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

เรื่องนี้ 'อภิสิทธิ์' กล่าวว่า ประชาชนมอบความไว้วางใจให้พรรคอย่างท่วมท้น จึงต้องทำหน้าที่เป็นตัวแทนของประชาชน 3 จังหวัดภาคใต้ โดยเฉพาะสิ่งที่เป็นความต้องการของประชาชน คือ ความสงบสุข สันติสุข ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ยินดีที่จะให้ความร่วมมือบนพื้นฐานที่จะต้องเร่งฟื้นฟูความเข้าใจระหว่างรัฐบาลกับประชาชน รวมทั้งการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังด้วย

ก่อนหน้านี้ 'อภิสิทธิ์' เคยกล่าวถึงการลงพื้นที่ครั้งนี้อย่างเชื่อมั่นมาก่อนว่า ต้องการได้ข้อมูลจากคนที่มีปัญหาอย่างแท้จริง เพื่อที่จะนำมาแลกเปลี่ยน และเสนอแนวทางแก้ปัญหาต่อรัฐบาล...

นี่ขนาดยังไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคอย่างเป็นทางการด้วยซ้ำ

ยังนำพลพรรคปรับตัว เปลี่ยนแปลงวิธีทำงานการเมือง เรียกศรัทธาได้มากโขทีเดียว

หากขยันขันแข็งยืนระยะได้ถึง 4 ปี ดีไม่ดี 4 ปีข้างหน้า พ.ต.ท.ทักษิณอาจเจอคู่แข่งที่น่ากลัวเข้าให้แล้วก็เป็นได้

เชื่อเถอะ 'มาร์ค' สั่งลุยแน่!